คอลัมนิสต์

Smart Invest
- 2020-10-07 11:36:40
- 23006
“บอย ท่าพระจันทร์” เทหุ้นกลาง-เล็ก กำเงินสด 400 ลบ.
By.พูเมซ่าส์
ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทย ในรอบ9 เดือนที่ผ่านมา 21.67% หรือลดลงกว่า 342.30 จุด จากดัชนีระดับ 1597.84 จุด ลดลงมาอยู่ที่ 1237.54 จุด ขณะที่ปรับลดลงต่ำสุดที่ระดับ 1,024.46จุด โดยหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงมากสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย หุ้นกลุ่มธนาคาร ลดลง 44.44% รองลงมา อสังหาริมทรัพย์ ลดลง 31.21% และ ปิโตรเคมี ลดลง 31.02%
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า หุ้นที่กลุ่มที่มีราคาปรับตัวลดลง ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ดังนั้นการลงทุนในปีนี้ หากผู้ลงทุนปรับพอร์ตการลงทุนไม่ทัน มีหวังผลตอบแทนในพอร์ตลงทุนติดลบอย่างแน่นอน
ในทางตรงกันข้ามหากพิจารณาภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) พบว่า ในช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.63% จากระดับ 320.87 จุด มาอยู่ที่ 320.87 จุด ดังนั้นสะท้อนให้เห็นว่า หุ้นขนาดกลางและเล็ก สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่
จากการรวบรวมข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า "อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย" หรือที่รู้จักกันในนามของ"บอย ท่าพระจันทร์" เซียนพระชื่อดัง ซึ่งได้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงหลายปีก่อน
โดยจากสำรวจการถือครองหุ้นของ"บอย ท่าพระจันทร์" ล่าสุดพบว่า ในช่วงกลางปี 2563 ได้ทยอยตัดขายหุ้นที่ถือครองมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบจากรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯที่ "บอย ท่าพระจันทร์"เคยถือครองช่วงต้นปี 2563 จะเห็นว่า ปัจจุบันไม่พบการถือครองแล้ว
สำหรับหุ้นที่ "บอย ท่าพระจันทร์" เคยถือครองในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วย
หุ้น | จำนวนถือครอง(หุ้น) | %การถือหุ้น | เดือนสุดท้ายที่ถือ |
AU | 4,737,400 | 0.58 | 10/04/2563 |
IP | 2,105,000 | 1.02 | 09/04/2563 |
JMART | 34,200,000 | 3.77 | 12/06/2563 |
TKN | 7,000,000 | 0.51 | 10/03/2563 |
หากนำมาพิจารณามูลค่าการถือครอง โดยนำราคาหุ้นในช่วงเวลาที่ถือครองมาคำนวณ จะพบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นจะอยู่ที่ประมาณ 469 ล้านบาท ดังนั้นหากทยอยขายออกมาทั้งหมดจากที่ถือครอง "บอย ท่าพระจันทร์"น่าจะรับเงินเข้ากระเป๋าไปไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท
หุ้น | จำนวนถือ (หุ้น) | มูลค่า (ลบ.) |
AU | 4,737,400 | 41.92 |
IP | 2,105,000 | 13.78 |
JMART | 34,200,000 | 376.20 |
TKN | 7,000,000 | 37.10 |
รวม 469.01
อย่างไรก็ตาม การที่ "บอย ท่าพระจันทร์" ขายหุ้นออกมาในช่วงครึ่งปีแรก ก็ถือว่า เป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ง่าย โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมนี้ ปัจจัยทางการเมือง ที่อาจจะมีความร้อนแรงมากขึ้น และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 กำลังจะทวีความรุนแรง ส่งผลให้เกิดความกังวลกัน ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปยังคงมีความเสี่ยงในทิศทางขาลงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นการถือครองเงินสดเป็นส่วนใหญ่ในช่วงนี้ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ลงทุน
- ผู้โพสต์ chisanupong
- 2020-10-07 11:36:40
- 23006
ความคิดเห็น