คำต่อคำ "จอมทรัพย์ โลจายะ" ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ยังมุ่งหน้าสู่เป้า 1.3 หมื่นล้านบาทในปี 65 ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้ามากกว่า 1,800 MW แย้มมีโปรเจ็กยักษ์ที่เวียดนามด้านลมอีกราว 6,000 MW เป็นโอกาสในระยะยาว ย้ำสถานะการเงินแกร่งรองรับได้อย่างน้อย 3 ปี แถมยังการันตีด้วยเรตติ้งระดับ Investment Grade มั่นใจไม่ระคายโควิด-19 สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง

ถาม :  การเติบโตในธุรกิจพลังงานทดแทนของ SUPER วางไว้อย่างไร 

ตอบ : ผมประเมินว่า จากปีนี้ที่คาดมีรายได้ 6,800-7,000 ล้านบาท ปีหน้าเราวางยุทธ์ศาสตร์คือ รายได้มันจะขึ้นไปเป็นระดับ 1 หมื่นล้านบาท โดยเกิดจากตัว 550 MW โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม 3 โครงการที่ COD เข้ามาเพิ่มเติมส่งผลดีเต็มปี

แล้วปีถัดไป หมายถึงปี 2564 เราจะ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มเติมอีก 421 MW ซึ่งมันจะผลักดันให้ปีถัดไปอีกคือ 2565 รายได้เราจะไปถึง 13,000 ล้านบาท 

ถาม : สรุปแล้วจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็นเท่าไหร่

ตอบ : จากตัวเลข 421 MW บวกเพิ่มอีก 550 MW แล้วก็ไปรวมของเก่าเกือบ 800 MW 

เท่ากับว่าเราจะขึ้นไปเป็นราว 1,800 MW ซึ่งเรายังมีโรงไฟฟ้าขยะด้วยในหลายจังหวัด วันนี้จ่ายไฟฟ้าได้แล้ว 2 ที่คือที่สระแก้ว และพิจิตร ปัจจุบันเรากำลังสร้างที่หนองคายอยู่ แล้วก็ยังจะมีที่จังหวัดนนทบุรีคาดเริ่มสร้างได้ปีหน้า ต่อไปก็นครศรีธรรมราช กับเพชรบุรี

ถาม : ขยายมากอย่างนี้ กลัวความเสี่ยงบ้างไหม

ตอบ : โครงการที่เราพูดกันอยู่นี้ทั้ง 550 MW และ 421 MW เรามีผู้รับเหมาที่จะมารับผิดชอบงานก่อสร้างเรียบร้อยแล้วทั้งสิ้น เรากำลังพูดบนพื้นฐานสิ่งที่เราทำอยู่จริง ไม่นับรวมโอกาสว่าถ้ามีโครงการลงทุนน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเข้ามาเราก็พร้อมจะสร้างการเติบโตได้มากกว่านี้

ส่วนในแง่ของการบริหารการเงินเพื่อรองรับการลงทุน ตอนนี้เราก็มีศักยภาพสูงและคล่องตัวมากจากตัวเลือกหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นจากธนาคาร การออกหุ้นกู้ จากกระแสเงินสดที่เรามี หรือจากเครดิตของเวนเดอร์ (Vendor) เหล่านี้เรามีครบถ้วน  เรามีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ ต่อการผลักดันการเติบโตให้คงอยู่ในระดับแข็งแกร่งต่อไปได้อีก 3 ปีข้างหน้าแล้ว

ถาม :  ได้ยินมาว่า เรทติ้ง SUPER เพิ่งถูกยกอันดับขึ้นด้วย จะส่งผลดีอย่างไรบ้าง

ตอบ : บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เพิ่งได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรเป็นระดับ "BBB" จากระดับ "BBB-" พร้อมกับปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Stable" หรือ "คงที่" จาก "Positive" 

ซึ่งถือเป็นข่าวดีซึ่งจะสร้างความได้เปรียบของเราให้มากขึ้น เพราะมันทำให้เรากลายเป็นระดับ Investment Grade ที่หลายๆ กองทุนขนาดใหญ่ที่ต้องการความเสี่ยงต่ำเข้ามาลงทุนได้ และตัวเราเองจะมีต้นทุนการเงินถูกลงด้วยถ้าต้องออกขายหุ้นกู้รองรับโอกาสพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในอนาคตที่จะมีขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

ถาม : อนาคตสัดส่วนรายได้ของเราในและต่างประเทศจะเป็นอย่างไร

ตอบ : ที่ผ่านมาเรามีรายได้ในประเทศเป็นหลัก แต่ปีหน้าคงจะปรับเป็น 50 : 50 จากตัว 550 MW ของเวียดนาม

แล้วต่อไปรายได้ข้างนอกจะน่าแซงขึ้นไปอีกครับ 

ถาม :  มีเล็งหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศอื่นๆ อีกหรือไม่

ตอบ : ในแง่ของโอกาส วันนี้เราคงไปประเทศอื่นไม่ได้แล้วเ พราะว่าเรื่องโควิด-19 มันเป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง ฉะนั้นในระยะ 1-2 ปีรายได้หลักๆ ก็จะมาจากในเมืองไทยกับเวียดนาม

สำหรับเมืองไทยเรามองไปที่โรงไฟฟ้าขยะซึ่งเรากำลังทำอยู่ แล้วรัฐบาลก็อาจจะมีการประกาศออกมาอีก 400 MW ตามแผน ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าจะเปิดกว้างให้เราเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมได้ ส่วนที่เวียดนามอีก 2 ปีจะมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ออกมาในรูปแบบแข่งกันประมูล ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะจำนวนแค่ไหน แต่ในส่วนของโครงการพลังงานลมจะมีอีกถึง 6,000 MW 

ถาม :  ทำไมที่เวียดนามมีงานมากเช่นนั้น

ตอบ : ประเทศนี้มีเม็ดเงินลงทุนตรงจากต่างประเทศจำนวนมหาศาล ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานก็ต้องตามมาเพื่อรองรับจำนวนประชากรเกือบร้อยล้านคนซึ่งส่วนมากเป็นวัยหนุ่ม-สาว เห็นได้ว่า อุตสาหกรรมต่างๆ ที่นั้นโตขึ้นรวดเร็ว จีดีพีสามารถโตได้ตลอด สัมพันกับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้นทุกปี 

เทียบกับในเมืองไทยผมเชื่อว่าของเราความต้องการโตขึ้น 2-3% ต่อปี ส่วนที่นั่นโต 12-15%

ถาม :  จะเข้าไปรองรับงานเหล่านี้ได้มากขนาดไหน

ตอบ : มีคนเข้ามาคุยกับเราแล้วละ เสนอมารวมๆ ประมาณ 900 MW ในเวียดนาม แต่ตัวเราเองไม่อยากรีบร้อน 

วันนี้การทำธุรกิจของเราสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำตามแผนให้ได้ สร้างให้ทัน เสร็จให้ทัน จ่ายไฟฟ้าให้ได้ เราจึงยังไม่อยากขยายเกินตัวเพราะถ้าทำงานไม่ทันก็อาจจะล้มเหลว เสียหายต่อธุรกิจได้ครับ SUPER เองส่งมอบงานได้ทันกำหนดตลอดมา จ่ายไฟฟ้าได้ เราไม่เคยมีปัญหาใดๆ และเราก็จะรักษามาตรฐานนี้ไว้ต่อไป

ถาม : อยากฝากอะไรถึงผู้ถือหุ้น

ตอบ : แผนงาน SUPER มุ่งเน้นด้านโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าขยะ แล้วก็ธุรกิจด้านสัมปทานน้ำ ถือว่ามีความมั่นคงทั้งแง่รายได้และกำไรสูง ซึ่งสถานการ์โรคระบาดโควิด-19 ไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานต่างๆ เรามีเงินสดเตรียมเพียงพอบริหารจัดการ จึงขอให้วางใจเราได้ว่า จะยังเติบโตได้อย่างมั่นคงได้ต่อไปครับ