ปี 2023 นี้เรียกได้ว่าเป็นปีแห่ง “การวางระเบียบกฎหมายของคริปโทเคอร์เรนซี” ก็คงจะไม่ผิดจาก ความเป็นจริงมากนัก เพราะหลังจากเหตุการณ์ Terra ล่มสลาย และ FTX ประกาศล้มละลายในปีที่ผ่านมา ผู้ควบคุมกฎหมายของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น ก.ล.ต. สหรัฐที่นำทีมโดยประธานสภา Gary Gensler, หน่วยงาน กำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (CFTC), กรมบริการทางการเงินแห่งรัฐนิวยอร์ก (NYDFS), อัยการสูงสุดของนิวยอร์ก (NYAG), กระทรวงยุติธรรม (DoJ) ได้ทำงานกันอย่างหนักในการฟ้องร้อง และควบคุม Exchange ที่ให้บริการในสหรัฐมากกว่า 13 คดีนับตั้งแต่ต้นปี 2023 ซึ่งไม่เคยมีปีไหนที่มีการเข้ม งวดมากขนาดนี้
โดยคืนวันที่ 5 มิถุนายน เวลาไทย ก.ล.ต. สหรัฐยื่นฟ้อง 13 ข้อหากับ Binance และ Changpeng Zhao (เจ้าของ Binance) โดยกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจอย่างผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา เช่น ขาย BNB และ BUSD ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน และให้บริการผลิตภัณฑ์ Simple Earn, BNB Vault, Staking นอกจากนี้ยังมีเรื่อง BAM Trading ของ Binance.US ให้บริการโดยไม่จดทะเบียน ส่วน CZ โดนข้อหาผู้มี อำนาจควบคุมแต่ละเลยการทำหน้าที่
แม้ว่าทางฝั่งของ Binance และ Changpeng Zhao จะออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทาง ก.ล.ต. สหรัฐ ก็ยังยื่นศาลเพื่อขอคำสั่งอำยัดเงินของลูกค้าใน Binance US ชั่วคราว เหตุการณ์นี้ทำให้ราคา BNB ร่วงหนักเกือบ 10% ทันที และ BTC ร่วง 5.3% ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ “Binance US Premium” ชั่วคราว นั่นคือ BTC ใน Binance US ราคาสูงกว่าตลาดโลก 6% เนื่องจากนักลงทุนใช้ BTC โอนออกจาก Exchange เพราะโอนได้เร็วกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ก.ล.ต. สหรัฐยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น ภายในระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังการฟ้อง Binance US ก็ได้ฟ้องร้อง Coinbase ข้อหาให้บริการเป็นนายหน้า, Exchange และ Clearing agency โดยไม่ได้ลงทะเบียนกับ ก.ล.ต.สหรัฐ และยังมีการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน พร้อมกับการ ให้บริการ Staking Service ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเช่นกัน
Brian Armstrong CEO ของ Coinbase ออกมาตอบโต้โดยว่า ก.ล.ต. สหรัฐได้ตรวจสอบและอนุญาต ให้ Coinbase ประกอบกิจการในปี 2021 ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นไม่ได้ที่เราจะทำผิดกฎหมายที่กล่าวอ้างมา และตลาดได้ปรับตัวขึ้นกลับมาที่เดิมหลังจากร่วงหนักในตอนที่ฟ้อง Binance US
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามกับ ก.ล.ต. สหรัฐอีกครั้งถึงการทำงานที่ไม่มีหลักการ และการให้สัมภาษณ์ของ Gary ว่า “สหรัฐไม่ต้องการคริปโทเคอร์เรนซีอีกต่อไป เพราะเรามีดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร และเยน ที่เป็นดิจิทัลทั้งหมดแล้ว” ก็เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนจาก ก.ล.ต. สหรัฐ แบบที่ไม่เคยพูดมาก่อน
ดังนั้นการประกอบธุรกิจ Exchange ในสหรัฐหลังจากนี้คงจะมีความเข้มงวดที่สูงมาก ทางเลือกแรก แบบ Binance.US ที่จะ Delist เหรียญออกจากการขายมากกว่า 100 คู่เหรียญและระงับการให้บริการ OTC ชั่วคราว โดยหวังว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ Binance US ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ตรงกันข้ามกับ Coinbase ยืนยันจะสู้คดีและไม่ Delist เหรียญใดออกหรือหยุดให้บริการ Service ใด ๆ ก็ตาม
“ทางเลือกไหนจะเป็นทางที่ถูกต้อง มีแต่เวลาและ ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้”
บทความโดย บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
โดยคืนวันที่ 5 มิถุนายน เวลาไทย ก.ล.ต. สหรัฐยื่นฟ้อง 13 ข้อหากับ Binance และ Changpeng Zhao (เจ้าของ Binance) โดยกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจอย่างผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา เช่น ขาย BNB และ BUSD ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน และให้บริการผลิตภัณฑ์ Simple Earn, BNB Vault, Staking นอกจากนี้ยังมีเรื่อง BAM Trading ของ Binance.US ให้บริการโดยไม่จดทะเบียน ส่วน CZ โดนข้อหาผู้มี อำนาจควบคุมแต่ละเลยการทำหน้าที่
แม้ว่าทางฝั่งของ Binance และ Changpeng Zhao จะออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทาง ก.ล.ต. สหรัฐ ก็ยังยื่นศาลเพื่อขอคำสั่งอำยัดเงินของลูกค้าใน Binance US ชั่วคราว เหตุการณ์นี้ทำให้ราคา BNB ร่วงหนักเกือบ 10% ทันที และ BTC ร่วง 5.3% ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ “Binance US Premium” ชั่วคราว นั่นคือ BTC ใน Binance US ราคาสูงกว่าตลาดโลก 6% เนื่องจากนักลงทุนใช้ BTC โอนออกจาก Exchange เพราะโอนได้เร็วกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ก.ล.ต. สหรัฐยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น ภายในระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังการฟ้อง Binance US ก็ได้ฟ้องร้อง Coinbase ข้อหาให้บริการเป็นนายหน้า, Exchange และ Clearing agency โดยไม่ได้ลงทะเบียนกับ ก.ล.ต.สหรัฐ และยังมีการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน พร้อมกับการ ให้บริการ Staking Service ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเช่นกัน
Brian Armstrong CEO ของ Coinbase ออกมาตอบโต้โดยว่า ก.ล.ต. สหรัฐได้ตรวจสอบและอนุญาต ให้ Coinbase ประกอบกิจการในปี 2021 ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นไม่ได้ที่เราจะทำผิดกฎหมายที่กล่าวอ้างมา และตลาดได้ปรับตัวขึ้นกลับมาที่เดิมหลังจากร่วงหนักในตอนที่ฟ้อง Binance US
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามกับ ก.ล.ต. สหรัฐอีกครั้งถึงการทำงานที่ไม่มีหลักการ และการให้สัมภาษณ์ของ Gary ว่า “สหรัฐไม่ต้องการคริปโทเคอร์เรนซีอีกต่อไป เพราะเรามีดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร และเยน ที่เป็นดิจิทัลทั้งหมดแล้ว” ก็เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนจาก ก.ล.ต. สหรัฐ แบบที่ไม่เคยพูดมาก่อน
ดังนั้นการประกอบธุรกิจ Exchange ในสหรัฐหลังจากนี้คงจะมีความเข้มงวดที่สูงมาก ทางเลือกแรก แบบ Binance.US ที่จะ Delist เหรียญออกจากการขายมากกว่า 100 คู่เหรียญและระงับการให้บริการ OTC ชั่วคราว โดยหวังว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ Binance US ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ตรงกันข้ามกับ Coinbase ยืนยันจะสู้คดีและไม่ Delist เหรียญใดออกหรือหยุดให้บริการ Service ใด ๆ ก็ตาม
“ทางเลือกไหนจะเป็นทางที่ถูกต้อง มีแต่เวลาและ ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้”
บทความโดย บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด