บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BRC” เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในฐานะบริษัทเรือธง (Flagship Company) ของกลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC) และกลุ่มบริษัทไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น จำกัด (TCC) ที่มีพันธกิจสำคัญในการพัฒนาโมเดลธุรกิจจากพื้นฐานธุรกิจเดิมของบิ๊กซีผนวกกับการรวบรวมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และธุรกิจค้าส่งในหลากหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างการเติบโตไปด้วยกันก่อนเตรียมนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ)

คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ “BRC” กล่าวว่า “บิ๊กซี คือชื่อที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยมากว่า 30 ปี และวันนี้เราพร้อมที่จะก้าวสู่มิติใหม่ของธุรกิจและการเติบโตอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมภายใต้ชื่อ “บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น” หรือ “BRC” ภายหลังการปรับโครงสร้าง บริษัทฯ จะมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับศักยภาพในทุก ๆ ด้าน ให้เป็นผู้นำของภาคธุรกิจการค้าปลีกและค้าส่ง ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใครด้วยความคุ้มค่าและการคัดสรรสินค้าอย่างดี ซึ่งเป็นจุดหมายในการสร้างความสุขแบบบิ๊ก ๆ ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติในการเลือกซื้อสินค้าและบริการอย่างครบวงจร และเป็นสถานที่ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของชุมชนให้ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้า และเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เป็นจุดนัดพบและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้โดยไม่เสียเวลาเดินทาง ควบคู่ไปกับการมุ่งตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
จากข้อมูลของ Euromonitor ในระหว่างปี 2556 ถึงปี 2565 ในกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่สามอันดับแรกในประเทศไทย BRC คือผู้ประกอบธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต และมีสถิติการเติบโตสูงสุดในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ เมื่อพิจารณาจากการเติบโตของส่วนแบ่งทางการตลาด (ซึ่งคำนวณจากรายได้จากการขายปลีก) นอกจากนี้ BRC ยังเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีระบบนิเวศทางธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และในประเทศอื่น ๆ ที่เติบโตสูงในภูมิภาค ผ่านเครือข่ายร้านค้าหลากหลายรูปแบบและแบรนด์ทั่วประเทศ ด้วยรูปแบบธุรกิจแบบรวมศูนย์ซึ่งผสมผสานระหว่างธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ (Town Center Business) ซึ่งเป็นจุดแข็งอันโดดเด่นที่ทำให้ BRC สามารถสร้างโอกาสในการนำเสนอผลกำไรและการเติบโตได้อย่างมั่นคง
BRC ยังมีรูปแบบช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครบวงจร เข้าถึงและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ มีการพัฒนาการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลักผ่านฐานข้อมูลลูกค้าสมาชิกโปรแกรมสิทธิพิเศษบิ๊กพอยต์ซึ่ง BRC ได้มุ่งเน้นและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า นอกจากนี้ BRC ยังมุ่งเน้นการคัดเลือกสัดส่วนของกลุ่มผู้เช่าและกลุ่มสินค้าในพื้นที่ร้านค้า (Retail Venue) อย่างละเอียดและรอบคอบ เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย อยู่ในกระแสนิยม มีความคุ้มค่าคุ้มราคา และกลายเป็นจุดหมายประจำ (Go-to Destination) สำหรับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มคนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว
โดยปัจจุบัน BRC มีเครือข่ายร้านค้าปลีกหลากหลายรูปแบบ (Multi-format) ประกอบด้วย บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี เพลส, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี ฟู๊ดเพลส, บิ๊กซี ดีโป้, บิ๊กซี มินิ, บิ๊กซี ฟู๊ด เซอร์วิส รวมถึงธุรกิจตลาด Open-Air อย่างตลาดทิพย์นิมิตร, ตลาดครอบครัว, ตลาดเดินเล่น ตลอดจนร้านค้าอื่น ๆ ของ BRC เช่นร้านกาแฟวาวี, ร้านหนังสือเอเซียบุ๊คส และร้านขายยาเพรียว อีกทั้งร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมภายใต้โมเดลร้านค้า “โดนใจ” ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ BRC มุ่งให้การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย หรือร้านค้าโชห่วย เพื่อยกระดับสู่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ผ่านการให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเติบโตและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นของตนเอง
นอกจากนี้ การที่ BRC ได้รับการสนับสนุนภายใต้เงื่อนไขบางประการจากกลุ่ม TCC ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ในทำเลที่มีศักยภาพจำนวนมากในประเทศไทย BRC อาจจะสามารถเข้าถึงที่ดินดังกล่าว ทําให้ BRC อยู่ในสถานะที่มีโอกาสเติบโตได้โดยการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว รวมทั้งภายใต้ข้อตกลงในสัญญาให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมและสัญญาให้สิทธิกับ BJC บิ๊กซี รีเทล มีสิทธิในการได้มาซึ่งกิจการ MM Mega Market (Vietnam) Company Limited และเครื่องหมายการค้า MM ที่ใช้ในการดำเนินกิจการร้านค้า MM Mega Market ในประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการตามสัญญา
BRC ได้พัฒนา Omnichannel Platform ที่มีรากฐานจากการวิเคราะห์และทำความเข้าใจฐานลูกค้าขนาดใหญ่ภายใต้โปรแกรมสิทธิพิเศษบิ๊กพอยต์ที่มีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนานกว่า 18 ล้านราย เพื่อมอบประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าอย่างครบวงจรผ่านช่องทางออนไลน์ไปยังช่องทางออฟไลน์ (Online to Offline) ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยนำเสนอผ่านการทำการตลาดแบบรายบุคคลซึ่งตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า โดยอาศัยเครือข่ายร้านค้าที่กว้างขวางและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี ออนไลน์ (www.bigc.co.th) แอปพลิเคชันบิ๊กซีพลัส (Big C PLUS) ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานประมาณถึง 3.5 ล้านรายต่อเดือน นอกจากนั้นยังมีร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส เช่น Shopee, Lazada, Foodpanda, Grab Mart และอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน BRC ยังมุ่งมั่นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงโลกและสังคมให้ดีขึ้น ตลอดจนดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน โดยมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางธุรกิจอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และวางเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ดาดฟ้าของร้านค้า ศูนย์กระจายสินค้า และร่วมมือกับพันธมิตรในการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการขนส่งสินค้า ตลอดจนตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ในอัตราร้อยละ 15 ในปี 2575 เมื่อเทียบกับปี 2564 และตั้งเป้าหมายระยะยาวเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 โดย BRC เชื่อว่าด้วยศักยภาพและประสบการณ์ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรม เราจะสร้างความสุขของคนไทยให้บิ๊กขึ้น คุ้มขึ้น ล่าสุด BRC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.

คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ “BRC” กล่าวว่า “บิ๊กซี คือชื่อที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยมากว่า 30 ปี และวันนี้เราพร้อมที่จะก้าวสู่มิติใหม่ของธุรกิจและการเติบโตอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมภายใต้ชื่อ “บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น” หรือ “BRC” ภายหลังการปรับโครงสร้าง บริษัทฯ จะมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับศักยภาพในทุก ๆ ด้าน ให้เป็นผู้นำของภาคธุรกิจการค้าปลีกและค้าส่ง ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใครด้วยความคุ้มค่าและการคัดสรรสินค้าอย่างดี ซึ่งเป็นจุดหมายในการสร้างความสุขแบบบิ๊ก ๆ ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติในการเลือกซื้อสินค้าและบริการอย่างครบวงจร และเป็นสถานที่ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของชุมชนให้ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้า และเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เป็นจุดนัดพบและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้โดยไม่เสียเวลาเดินทาง ควบคู่ไปกับการมุ่งตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
จากข้อมูลของ Euromonitor ในระหว่างปี 2556 ถึงปี 2565 ในกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่สามอันดับแรกในประเทศไทย BRC คือผู้ประกอบธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต และมีสถิติการเติบโตสูงสุดในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ เมื่อพิจารณาจากการเติบโตของส่วนแบ่งทางการตลาด (ซึ่งคำนวณจากรายได้จากการขายปลีก) นอกจากนี้ BRC ยังเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีระบบนิเวศทางธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และในประเทศอื่น ๆ ที่เติบโตสูงในภูมิภาค ผ่านเครือข่ายร้านค้าหลากหลายรูปแบบและแบรนด์ทั่วประเทศ ด้วยรูปแบบธุรกิจแบบรวมศูนย์ซึ่งผสมผสานระหว่างธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ (Town Center Business) ซึ่งเป็นจุดแข็งอันโดดเด่นที่ทำให้ BRC สามารถสร้างโอกาสในการนำเสนอผลกำไรและการเติบโตได้อย่างมั่นคง
BRC ยังมีรูปแบบช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครบวงจร เข้าถึงและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ มีการพัฒนาการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลักผ่านฐานข้อมูลลูกค้าสมาชิกโปรแกรมสิทธิพิเศษบิ๊กพอยต์ซึ่ง BRC ได้มุ่งเน้นและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า นอกจากนี้ BRC ยังมุ่งเน้นการคัดเลือกสัดส่วนของกลุ่มผู้เช่าและกลุ่มสินค้าในพื้นที่ร้านค้า (Retail Venue) อย่างละเอียดและรอบคอบ เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย อยู่ในกระแสนิยม มีความคุ้มค่าคุ้มราคา และกลายเป็นจุดหมายประจำ (Go-to Destination) สำหรับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มคนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว
โดยปัจจุบัน BRC มีเครือข่ายร้านค้าปลีกหลากหลายรูปแบบ (Multi-format) ประกอบด้วย บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี เพลส, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี ฟู๊ดเพลส, บิ๊กซี ดีโป้, บิ๊กซี มินิ, บิ๊กซี ฟู๊ด เซอร์วิส รวมถึงธุรกิจตลาด Open-Air อย่างตลาดทิพย์นิมิตร, ตลาดครอบครัว, ตลาดเดินเล่น ตลอดจนร้านค้าอื่น ๆ ของ BRC เช่นร้านกาแฟวาวี, ร้านหนังสือเอเซียบุ๊คส และร้านขายยาเพรียว อีกทั้งร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมภายใต้โมเดลร้านค้า “โดนใจ” ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ BRC มุ่งให้การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย หรือร้านค้าโชห่วย เพื่อยกระดับสู่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ผ่านการให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเติบโตและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นของตนเอง
นอกจากนี้ การที่ BRC ได้รับการสนับสนุนภายใต้เงื่อนไขบางประการจากกลุ่ม TCC ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ในทำเลที่มีศักยภาพจำนวนมากในประเทศไทย BRC อาจจะสามารถเข้าถึงที่ดินดังกล่าว ทําให้ BRC อยู่ในสถานะที่มีโอกาสเติบโตได้โดยการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว รวมทั้งภายใต้ข้อตกลงในสัญญาให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมและสัญญาให้สิทธิกับ BJC บิ๊กซี รีเทล มีสิทธิในการได้มาซึ่งกิจการ MM Mega Market (Vietnam) Company Limited และเครื่องหมายการค้า MM ที่ใช้ในการดำเนินกิจการร้านค้า MM Mega Market ในประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการตามสัญญา
BRC ได้พัฒนา Omnichannel Platform ที่มีรากฐานจากการวิเคราะห์และทำความเข้าใจฐานลูกค้าขนาดใหญ่ภายใต้โปรแกรมสิทธิพิเศษบิ๊กพอยต์ที่มีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนานกว่า 18 ล้านราย เพื่อมอบประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าอย่างครบวงจรผ่านช่องทางออนไลน์ไปยังช่องทางออฟไลน์ (Online to Offline) ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยนำเสนอผ่านการทำการตลาดแบบรายบุคคลซึ่งตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า โดยอาศัยเครือข่ายร้านค้าที่กว้างขวางและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี ออนไลน์ (www.bigc.co.th) แอปพลิเคชันบิ๊กซีพลัส (Big C PLUS) ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานประมาณถึง 3.5 ล้านรายต่อเดือน นอกจากนั้นยังมีร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส เช่น Shopee, Lazada, Foodpanda, Grab Mart และอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน BRC ยังมุ่งมั่นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงโลกและสังคมให้ดีขึ้น ตลอดจนดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน โดยมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางธุรกิจอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และวางเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ดาดฟ้าของร้านค้า ศูนย์กระจายสินค้า และร่วมมือกับพันธมิตรในการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการขนส่งสินค้า ตลอดจนตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ในอัตราร้อยละ 15 ในปี 2575 เมื่อเทียบกับปี 2564 และตั้งเป้าหมายระยะยาวเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 โดย BRC เชื่อว่าด้วยศักยภาพและประสบการณ์ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรม เราจะสร้างความสุขของคนไทยให้บิ๊กขึ้น คุ้มขึ้น ล่าสุด BRC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.
ยอดนิยม

VIH ซื้อหุ้นคืน 26.66 ล้านหุ้น ใช้เงินสดส่วนเกิน ยืนยันไม่เกี่ยวเงินเพิ่มทุน สาเหตุราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้าทำนิวไฮใหม่ปีนี้

13 มีนาคมนี้!!! ผู้ถือหุ้น MC รับเงินปันผลบานฉ่ำ !!!
.jpg)
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design”

เบเยอร์ เขย่าวงการธุรกิจสีทาอาคาร สำเร็จเจ้าแรก! ใช้เทคโนโลยีล้ำ AI OCR อ่านบิลเขียนมือได้ รันแคมเปญใหญ่ "ลดเดือดรับ Summer แจกไม่ยั้ง!"
