Talk of The Town

LEO เตรียมทุ่มงบ 150 ลบ. ซื้อกิจการ บริษัทขนส่งสินค้า Chemical Logistics


12 มิถุนายน 2566
บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์(LEO) ประกาศแต่งตั้ง บริษัท ไพร้ซวอเตอร์ เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด (PwC) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อให้ความเห็น (Due Diligence) เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ บริษัทแห่งหนึ่งในธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศด้าน Chemical Logistics โดยมีการดำเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ จีน ฮ่องกง และครอบคลุมทั่วโลก ฟากซีอีโอ “เกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์” มั่นใจต่อยอดธุรกิจ   โลจิสติกส์ สร้างรายได้เพิ่ม คาดใช้เงินลงทุนประมาณ150 ล้านบาท หวังจะรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 3/2566 
LEO เตรียมทุ่มงบ 150 ลบ.jpg
นายเกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า บริษัทฯได้แต่งตั้ง “บริษัท ไพร้ซวอเตอร์ เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด ("PwC") เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) เพื่อให้ความเห็น (Due Diligence) เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ (M&A) บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศด้าน Chemical Logistics ที่มีการดำเนินการทางธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ จีน และฮ่องกง และมีการบริการครอบคลุมทั่วโลก และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทันทีเมื่อกระบวนการเข้าซื้อกิจการดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2566 

“LEO มีความมั่นใจว่า PwC เป็นหนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีความน่าเชื่อที่สุด โดยการมารับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ (M&A) บริษัทที่เป็น Target Companyซึ่งเป็นผู้ดำเนินการธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศด้าน Chemical Logistics ที่มีการดำเนินการทางธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ จีน และฮ่องกง และบริษัทดังกล่าวมีรายได้ปีละประมาณ 500-600 ล้านบาท โดย LEO มีเป้าหมายที่จะเข้าซื้อกิจการในอัตราส่วนไม่ต่ำกว่า 35 % และคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 150 ล้านบาท” นายเกตติวิทย์ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯตั้งเป้าหมาย เน้นลงทุนธุรกิจใหม่ที่เป็น Non Freight มีกำไรขั้นต้นสูงถึง 40-45%โดยจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไร จากโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆ ที่เป็นทั้งการให้บริการ Freight , Non Freight และ New Business ในหลายๆ โครงการ เช่น การให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนโดยรถบรรทุกและรถไฟผ่านเส้นทางรถไฟ ลาว – จีน , การให้บริการตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิสำหรับขนส่งผลไม้ไปยังประเทศจีน, การให้บริการลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) แห่งที่ 2 และการพัฒนาธุรกิจ Cold Chain Logistics ที่บริษัท สหไทย เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT ซึ่งได้เซ็นต์สัญญาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เรียบร้อยแล้ว , การเปิดบริการ Self Storage ที่ถนนพระราม 4 ,  การพัฒนาธุรกิจตัวแทนในการซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพื่อส่งให้กับผู้ซื้อในประเทศจีน ภายใต้ชื่อ บริษัท LEO Sourcing & Supply Chain ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อสินค้าที่เป็นทุเรียนและผลไม้อื่นๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก
LEO