Wealth Sharing

PROUD ผนึก NOBLE เปิด 2โครงการใหม่ มูลค่า 8,623 ลบ.


13 มิถุนายน 2566
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) “PROUD” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ลงนามสัญญาซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด (“KK”) และ บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด (“PA9”) ในสัดส่วน 100% จาก บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) หรือ NOBLE และ บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด (“TNLA”)  โดยทั้งสองบริษัทดำเนินงานพัฒนาใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station)

PROUD ผนึก NOBLE.jpg

สำหรับการลงทุนซื้อ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station ) คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,735 ล้านบาท โครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station ) มียอดขาย (pre-sales) แล้ว 100% คาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ในต้นปี 2567 และโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) มียอดขาย (pre-sales) แล้ว 83% คาดรับรู้รายได้ภายในปี 2568 โดยทั้ง 2 โครงการจะทยอยรับรู้รายได้ทันในปี 2567-2568 ผลักดันให้บริษัทมี Backlog แตะ 10,000 ล้าน จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,180 ล้านบาท 

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น(EGM) เพื่อระดมทุนจำนวน 2,490 ล้านบาท แบ่งเป็น การออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ PROUD (Right Offering : RO) ในอัตราส่วน 1.80 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 1.75 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าไม่เกิน 624 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อเป็นเงินทุนและเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงาน อีกประมาณ 1,890 ล้านบาท

“PROUD ประกาศแผนธุรกิจหลังเทิร์นอะราวนด์สำเร็จทั้งรายได้-กำไร ในผลประกอบการไตรมาส 1/2566 จากความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและมั่นคง บริษัทฯ จึงได้มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ และพอร์ตโครงสร้างธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้นทั้งทำเลที่ตั้งและกลุ่มลูกค้า สอดรับกลยุทธ์แผนการดำเนินงาน สำหรับความร่วมมือกันครั้งนี้ ถือเป็นสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ PROUD ผลักดันให้รายได้ แตะ 10,000 ล้านบาท ในปี 2569 จากเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็นการขยายฐานทุน เพิ่มขีดความสามารถทางการเงินและศักยภาพของบริษัทฯ พร้อมสร้างโอกาสการเติบโต (Scale Up) อย่างยั่งยืน และติดอันดับ Top10 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า”

ด้าน นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)“NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่าการจำหน่าย 2 โครงการภายใต้บริษัทร่วมทุน 2 แห่งดังกล่าว ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการต่อยอดธุรกิจ ภายใต้การเป็น Strategic Partner ร่วมกันของทั้ง 2 บริษัท  ซึ่งจากการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มสู่การต่อยอดและการเติบโตให้กับ NOBLE และ PROUD ในอนาคต 

ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯ ทำรายการขายทั้ง 2 โครงการดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินการของบริษัทฯ       ที่มีความต้องการสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงที่สุด (Maximize Return on Equity (ROE) & Internal Rate of Return (IRR) ) จากการลดระยะเวลาการถือครองและรับรู้กำไรที่สมเหตุสมผล โดยโครงการร่วมทุนทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จในการขายอย่างสูง 

“มูลค่าขายของทั้ง 2 โครงการถือเป็นการขายในมูลค่าที่สร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของกำไรที่รับรู้ได้และกระแสเงินสดที่ได้กลับมา รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะได้รับมากขึ้นจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่สูงขึ้น หากเทียบกับการถือครองจนจบโครงการในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการร่วมทุน ทำให้มองว่าการขายในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและสามารถนำเงินสดมาหมุนเวียนเพื่อนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆที่ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมถึงยังเป็นการปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ อีกด้วย นอกจากนี้การขายโครงการดังกล่าวยังเป็นการปรับ Portfolio ของโครงการร่วมทุนเพื่อที่จะเพิ่มโครงการร่วมทุนใหม่ๆในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการร่วมทุนกับ TNLA รวมทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่ารวม 34,800 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังทำหน้าที่เป็นผู้บริหารโครงการในบทบาทเดิม ซึ่งโครงการจะถูกบริหารภายใต้ บริษัทฯ เช่นเดิมทุกประการ รวมถึงชื่อโครงการ การก่อสร้างตามข้อผูกพันเดิมกับลูกค้าตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย รวมไปถึงการบริหารโครงการหลังการขายและการรับประกันผลงานการก่อสร้าง เพื่อให้ไม่มีผลกระทบใดๆ กับลูกค้า

อย่างไรก็ตาม สำหรับกระบวนการขายเงินลงทุนและโอนหุ้นใน PA9 และ KK รวมถึงเงินกู้ยืมผู้ถือหุ้นบางส่วนจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วนแล้ว  ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 ส่งผลให้บริษัทฯ จะสามารถบันทึกกำไรพิเศษในไตรมาส 3/2566