นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า จากการที่สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Rating ผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2566 จากการคัดเลือก 888 บริษัท/กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) โดยในปีนี้ WHA Group รวมถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) ติดโผเป็น 1 ใน 15 หลักทรัพย์ ในทำเนียบ “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List ปี 2566 และได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรก ภายใต้เกณฑ์การพิจารณาจากข้อมูลการดำเนินงานที่สะท้อนปัจจัยด้าน ESG ตามที่บริษัทเปิดเผยต่อสาธารณะ และผ่านเกณฑ์คัดกรองเบื้องต้นที่ใช้ในการประเมินหลักทรัพย์ ESG100 ของสถาบันไทยพัฒน์ ตามหลักการ CORE Framework เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ลงทุน
ขณะเดียวกัน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ซึ่งเป็นกองทรัสต์ Industrial ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารกว่า 1.74 ล้านตารางเมตร ได้รับการการคัดเลือกกองทรัสต์ที่น่าลงทุนของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เช่นเดียวกัน
ซึ่งการที่ WHA Group และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) รวมถึงถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) ได้รับคัดเลือกติดอันดับการน่าลงทุนของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นในการการพัฒนางธุรกิจ ทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียในทุกกลุ่ม ที่พิจารณาลงทุนตามวิถีการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) โดยเน้นปัจจัยด้านมิติสิ่งแวดล้อม (Environment) มิติสังคม (Social) และมิติธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG ตลอดจนการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้สเสียทุกภาคส่วน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอมา และยังคงรักษามาตรฐานของผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาโดยตลอด
นายณัฐพรรษ กล่าวทิ้งท้ายว่า WHA Group พร้อมเดินหน้านำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดของบริษัทฯ ได้แก่ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนสังคมไทย โดยโครงการที่สำคัญ ได้แก่ Green Logistics, Digital Twin, Digital Healthcare, Circular และด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้บริษัทฯ มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถก้าวสู่การเป็น Technology Company ภายในปี 2567 ได้อย่างแน่นอน”
ขณะเดียวกัน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ซึ่งเป็นกองทรัสต์ Industrial ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารกว่า 1.74 ล้านตารางเมตร ได้รับการการคัดเลือกกองทรัสต์ที่น่าลงทุนของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เช่นเดียวกัน
ซึ่งการที่ WHA Group และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) รวมถึงถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) ได้รับคัดเลือกติดอันดับการน่าลงทุนของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นในการการพัฒนางธุรกิจ ทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียในทุกกลุ่ม ที่พิจารณาลงทุนตามวิถีการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) โดยเน้นปัจจัยด้านมิติสิ่งแวดล้อม (Environment) มิติสังคม (Social) และมิติธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG ตลอดจนการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้สเสียทุกภาคส่วน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอมา และยังคงรักษามาตรฐานของผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาโดยตลอด
นายณัฐพรรษ กล่าวทิ้งท้ายว่า WHA Group พร้อมเดินหน้านำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดของบริษัทฯ ได้แก่ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนสังคมไทย โดยโครงการที่สำคัญ ได้แก่ Green Logistics, Digital Twin, Digital Healthcare, Circular และด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้บริษัทฯ มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถก้าวสู่การเป็น Technology Company ภายในปี 2567 ได้อย่างแน่นอน”