Wealth Sharing

บล.พายชี้ดัชนีหุ้นสัปดาห์นี้กรอบ 1540 – 1575 จุด ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นตลาด


19 มิถุนายน 2566
บล.พาย จำกัด ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 0.3% เนื่องจากเจ้าหน้าที่ FED ออกมาสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับเพิ่มขึ้น 1.2% เนื่องจากคาดถึงอุปสงค์ที่จะสูงขึ้นจากจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
บล.พายชี้ดัชนีหุ้นสัปดาห์นี้กรอบ 1540 – 1575 จุด.jpg
วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก U of Michigan พบว่าอยู่ที่ 63.9 ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 60.1 ถ้อยแถลงภายในพบว่าสาเหตุหลักมาจากผู้บริโภคคลายกังวลกับเงินเฟ้อและปัญหาเพดานหนี้ก็ได้ถูกแก้ไข อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังกังวลกับเศรษฐกิจในปีหน้าจากรายได้ที่ยังอ่อนตัวลง โดยสัปดาห์นี้คาดบรรยากาศการลงทุนจะทรงตัวหลังสัปดาห์ก่อนหน้าตลาดหุ้นทั่วโลกรับรู้ปัจจัยสำคัญอย่างการประชุม FED ไปแล้ว 

ขณะที่สัปดาห์นี้ปัจจัยต่างๆก็มิได้มีปัจจัยใหญ่ๆที่มีนัยยะสำคัญ โดยวันอังคารจะมีการรายงานใบขออนุญาตก่อสร้าง และยอดสร้างบ้านใหม่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.43 ล้านใบอนุญาต และ 1.4 ล้านหลังคาเรือน ส่วนวันพุธประธาน FED มีกำหนดแถลงก็เชื่อว่านักลงทุนจะจับตาเกี่ยวกับสัญญาณดอกเบี้ยเพื่อมองหาสัญญาณคงดอกเบี้ย ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 74.4% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สำหรับการประชุมเดือน ก.ค. หากมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการคงดอกเบี้ยก็มองว่าจะเป็นบวกกับตลาดหุ้น ถัดมาจะเป็นผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.56 แสนราย ซึ่งในวันเดียวกันก็จะมีการรายงานยอดขายบ้านมือสอง Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 4.25 ล้านหลังคาเรือน 

ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่รายงานออกมาหากบ่งชี้ในทางที่ย่ำแย่กับภาวะเศรษฐกิจก็เชื่อว่าตลาดหุ้นจะตอบรับเชิงบวก จากการคลายกังวลภาวะดอกเบี้ย สำหรับปัจจัยในประเทศคาดการณ์ว่าจะมีการรายงานมูลค่าส่งออกไทยประจำเดือน พ.ค. Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าส่งออกจะหดตัว 7.5%YoY และนำเข้า หดตัว 11%YoY พร้อมประเมินดุลการค้าขาดดุล 558 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากขาดดุลมากกว่าคาดการณ์จะเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าต่อเนื่องและเป็นลบกับกระแสเงินทุนต่างชาติ ประเมิน SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1540 – 1575 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นทยอยลดน้ำหนักการลงทุนหลังตลาดหุ้นปรับขึ้นมารับปัจจัยบวกด้านดอกเบี้ยไปพอสมควร ส่วนหุ้น Trading ระยะสั้นเลือกกลุ่ม Domestic Play อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) Finance (MTC TIDLOR) โรงพยาบาล (BDMS) น้ำมัน (PTTEP)

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท)
มองว่า BDMS จะได้รับปัจจัยเชิงบวกจากเปิดประเทศ และแนวโน้มการกลับมาของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติถึง 29% ของรายได้ทั้งหมด โดยยอดนัดหมายลูกค้าต่างชาติใน เม.ย.23 เพิ่มมากขึ้น อยู่ที่ 25,100 ราย (คิดเป็น CLMV 42%, เอเชียกลาง 12%, ยุโรป 11% และอื่นๆ 35%) โดยตัวแรกดังกล่าวเติบโตขึ้น 67% จากเดือน ก.พ.23 ที่มีจำนวนยอดนัดหมายเพียง 15,000 ราย

PTTEP (ถือ / ราคาเป้าหมาย 162.00 บาท)
แม้ยังมีประเด็นความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย แต่เรามองว่าราคาหุ้นปัจจุบันมี downside risk ไม่มาก เพราะมีมูลค่าที่ไม่แพงอยู่แล้ว ขณะที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลน่าดึงดูดที่ 5%