จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : WINMED ปรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เน้น “กลุ่ม B2C-บุกตลาดสินค้าใหม่”


23 มิถุนายน 2566
การระบาดของโควิด19 ทำให้ประชาชนหันมาดูแลสุขภาพด้วยตัวเองกันมากขึ้น สอดคล้องกับมุมมองของบริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล หรือ WINMED  ที่ช่วงครึ่งปีหลังปรับกลยุทธ์เน้นจับกลุ่มลูกค้า B2C  และเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

รายงานพิเศษ WINMED.jpg

Euromonitor International ประเมินว่า  แนวโน้มในช่วง 5 ปี  หรือตั้งแต่ปี 2021-2025  ตลาดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของไทยจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 5.2% CAGR เติบโตในอัตราใกล้เคียงกับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาและใกล้เคียงกับการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของโลก โดยคาดว่ามูลค่าตลาดรวมของไทยในปี 2025 จะมีจำนวน 132,921 ล้านบาท ตลาดที่คาดว่าจะเติบโตเร็วที่สุดคือตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Vitamins and Dietary Supplements) โดยคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 8.4% CAGR 

Trend การดูแลสุขภาพมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด 19  แม้ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดจะมีความรุนแรงลดลง แต่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพยังเติบโตได้ดี ส่งผลดีต่อธุรกิจของ บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล หรือ WINMED  ที่ประกอบธุรกิจเป็นผู้นำเข้า และจำหน่ายเครื่อง และชุดอุปกรณ์ สำหรับการเก็บ การตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย และการบำบัดรักษาทางการแพทย์   

ซึ่ง “นันทิยะ ดารกานนท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WINMED  ระบุผลดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีหลัง 66  มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมกลับมาปกติ ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เดิมของบริษัทฯ เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต จาก B2B มาเป็น B2C มากขึ้น ผ่านทางช่องทางจำหน่ายออนไลน์-ออฟไลน์ และกลุ่มเครือข่ายพันธมิตร รวมถึงการนำสินค้าใหม่ๆ มาจำหน่าย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
          
กลยุทธ์ครึ่งปีหลังบุกตลาดสินค้าใหม่ ชูกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยระบบเจริญพันธุ์ หลังยอดผู้ป่วยกลับมาใช้บริการมากขึ้นในกลุ่มโรงพยาบาล และได้รับการสนับสนุนจากโครงการสปสช.ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 40.54% พร้อมเร่งดันผลิตภัณฑ์ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง ซึ่งจะเป็นสินค้าเรือธง สร้างการรับรู้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค เจาะกลุ่ม B2C  รวมถึงการมีสินค้าใหม่ที่อยู่ในระหว่างการขอขึ้นทะเบียนอีกหลายรายการ ซึ่งจะทยอยออกวางจำหน่ายในปี 2566 อย่างต่อเนื่อง
          
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ธนาคารโลหิตและความปลอดภัยของโลหิต ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ผู้บริจาคโลหิตได้รับการอำนวยความสะดวกและกลับมาใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 33.10% และกลุ่มผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของเซลล์และโมเลกุล มีการสั่งซื้อน้ำยาเพิ่มขึ้น เนื่องจากห้องปฏิบัติการโครงการวิจัยในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งของสถาบันนักเรียนแพทย์ต่างๆ เริ่มเปิดโครงการรักษาและสามารถเริ่มกระบวนการวิจัยได้อีกครั้ง
          
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ หรือ Mobile Blood Collection รองรับความต้องการของหน่วยงานทางการแพทย์ ที่มีความต้องการโลหิตสำหรับผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบัน WINMED มีหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ จำนวน 2 หน่วย และมีแผนจะเพิ่มหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่เป็น 6 หน่วย สำหรับให้บริการในปี 66 นี้ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า ซึ่งจะสนับสนุนทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 
          
แผนดำเนินงานของบริษัทฯในปี 66 นอกจากขยายการลงทุนแล้ว บริษัทปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต จาก B2B มาเป็น B2C มากขึ้น ผ่านทางช่องทางจำหน่ายออนไลน์-ออฟไลน์ และกลุ่มเครือข่ายพันธมิตร รวมถึงการนำสินค้าใหม่ๆ มาจำหน่าย ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันรายได้ในปีนี้เติบโต 30% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ตามแผนงานที่วางไว้
          
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส  1/65 มีรายได้รวม 138.95  ล้านบาท และ มีกำไรขั้นต้น 60.98  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.54% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรขั้นต้น 54.59 ล้านบาท