จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : รัฐหนุนใช้ “รถประจำทางไฟฟ้า” ดัน NEX ปี66กำไรโตก้าวกระโดด


02 กุมภาพันธ์ 2566
รัฐบาลสนับสนุนโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางใช้พลังงานไฟฟ้า  ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดฝุ่น PM2.5  ส่งผลดีต่อ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ดำเนินธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครบวงจรตั้งแต่การผลิต ประกอบ จัดจำหน่าย และบริการหลังการขาย  หนุนปี 2566 กำไรโตก้าวกระโดด
รายงานพิเศษ NEX 020223.jpg

คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะของภาคเอกชน (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้เป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า  โดยโครงการดังกล่าวเป็นการริเริ่มการเปลี่ยนผ่านจากรถโดยสารสาธารณะที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นรถโดยสารสาธารณะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ครอบคลุมเส้นทางเดินรถโดยสารไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งประจำทางจากกรมการขนส่งทางบก 

รัฐบาลคาดว่าจะส่งผลให้สามารถลดก๊าซเรือนกระจกลง 100 ตันคาร์บอนไดออกไซด์/คัน/ปี หรือ 500,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งแต่ปี 64-73 (10 ปี) ซึ่งจะส่งเสริมให้ประชาชนได้เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะที่มีความทันสมัยปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษต่ำ การลดฝุ่น PM 2.5 เปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานสะอาด ซึ่งช่วยให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมคุณภาพ ชีวิตและสุขภาพของประชาชนดีขึ้น

นโยบายดังกล่าวของรัฐบาลสอดคล้องกับการทำธุรกิจของบริษัท เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่ประกอบธุรกิจ 1. ผลิตและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า 2.จำหน่าย/ให้เช่ารถบัสโดยสาร ซ่อมบำรุง จำหน่ายอะไหล่รถบัสโดยสาร 3.ลงทุนในบริษัทย่อย   ซึ่ง บล.ดาโอ ได้วิเคราะห์หุ้น โดยระบุว่า 

บริษัทจัดทำบทวิเคราะห์ NEX  โดยแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 24.00 บาท อิง PEG 1 เท่า (เทียบเท่า 2023E PER ที่ 33 เท่า, ปี 2023E-25E กำไรโตเฉลี่ย +33% CAGR, ปี2023E EPS = 0.72บาท/หุ้น) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของธุรกิจที่ใกล้เคียงกันทั้งไทยและ global โดยหุ้น NEX มีความน่าสนใจจาก 

1)    ดำเนินธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็น megatrend ของโลก ที่มีการเติบโตสูงแบบ S-curve ใน 5-10 ปีข้างหน้า ทำให้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
2)    มุ่งเน้นผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ของไทย (E Bus และE Truck) ที่ความต้องการสูงจากภาครัฐและเอกชนสูง ที่มีความต้องการเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นไฟฟ้า และจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
3)    ได้เปรียบคู่แข่งขัน จากการเป็นผู้ผลิตไทย ที่มีโรงงานการผลิตแบตเตอรี่เอง จึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย 
4)    มีคำสั่งซื้อที่รอส่งมอบใน 4Q22E – 2023E ในระดับสูงไม่ต่ำกว่า 3 พันคัน ส่วนใหญ่ส่งมอบให้กับขสมก. โดย 3Q22 เริ่มผลิตและส่งมอบรถ E Bus ไปแล้วทั้งหมด 221 คัน

เราประเมินกำไรปี 2022E ที่ 121 ล้านบาท จากเริ่มส่งมอบรถ E Bus, E Truck ใน ก.ย.22 (ประมาณ 221 คัน)     ทำให้ 3Q22 เริ่มพลิกเป็นกำไร ส่วนปี 2023E กำไรจะเติบโตก้าวกระโดดเด่นเป็น 1.2 พันล้านบาท (+890% YoY)จากการส่งมอบรถ E Bus, E Truck รวม 4 พันคัน เพิ่มจากปี 2022E ที่ 1.1 พันคัน และปี 2024E-25E จะเติบโตเฉลี่ย 33% จากประมาณการส่งมอบเพิ่มขึ้นเป็น 5.4/6.7 พันคัน

ราคาหุ้น outperform SET +4%/+11% ในช่วง 3 และ 6 เดือน จากโรงงาน AAB เริ่มส่งมอบสินค้าและ 3Q22 เริ่มพลิกเป็นกำไรได้ และเราแนะนำ “ซื้อ” จากกำไรที่ยังเติบโตสูงต่อเนื่องในปี 2023E-2025E และมีโอกาส upside ได้อีกจากแผนขยายโรงงานใหม่ 

ด้าน valuation เทรด 2023E PER ที่ 27 เท่า ซึ่งเรามองว่าสมควรเทรดในระดับพรีเมี่ยม จากกำไรที่เติบโตสูง และยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต โดยหากเทียบ PEG ปัจจุบันอยู่ที่ 0.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย peers ที่ 1.0 เท่า
NEX