จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : DPAINT ปรับกลยุทธ์ธุรกิจตั้งเป้า ผู้นำ“สีแห่งนวัตกรรม-เคมีก่อสร้าง”
05 กรกฎาคม 2566
บมจ. สีเดลต้า (DPAINT) ปรับกลยุทธ์ หนุนเป้าหมายเป็นผู้นำ ด้านสีแห่งนวัตกรรม และ เคมีก่อสร้างครบวงจร ลุยออกสินค้าใหม่กว่า 30 ตัว รองรับงานก่อสร้างทุกมิติ พร้อมรุกตลาด CLMV เพิ่มยอดขายจากต่างประเทศขณะที่โบรกเกอร์ คาดกำไรทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 2566-2567
กลยุทธ์การทำธุรกิจในปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จ ต้องเน้นการทำธุรกิจแบบครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจของ บมจ. สีเดลต้า (DPAINT) ที่ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านสีแห่งนวัตกรรม และ เคมีก่อสร้าง แบบครบวงจรจากเดิมที่เน้นเฉพาะผลิตภัณฑ์สี
โดย “มงคล ตั้งใจพิทักษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม DPAINT ระบุว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจครั้งสำคัญ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านสีแห่งนวัตกรรม และ เคมีก่อสร้าง แบบครบวงจร จากเดิมมุ่งเน้นด้านผลิตภัณฑ์สีเพียงอย่างเดียว ซึ่งโดยในปีนี้บริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเคมีก่อสร้างแล้วมากกว่า 20 ผลิตภัณฑ์ และตั้งเป้าจะเปิดให้ครบ 30 ผลิตภัณฑ์ในปีนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งช่างสี ช่างก่อสร้าง ลูกค้าโครงการ และ เจ้าของบ้าน
ซึ่งตลาดเคมีก่อสร้างมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 17,000 ล้านบาท และ มีอัตราการเติบโตสูงประมาณ 20-30% ต่อปี ซึ่งตลาดขยายตัวได้อัตราที่สูงกว่าตลาดสีทาอาคารที่คาดว่า เติบโตประมาณปีละ 3-5% แต่มีมูลค่าตลาดที่ใหญ่กว่าคือประมาณ 30,000 ล้านบาท
"การที่ DPAINT ขยายเข้าสู่ตลาด เคมีก่อสร้าง เพื่อขยายธุรกิจให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะสร้างผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยกลุ่มเคมีก่อสร้าง มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง และ สามารถเติบโตไปกับอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้าเจ้าของโครงการและ กลุ่มช่างได้อย่างตรงจุด ยิ่งกว่านั้น DPAINT เห็นโอกาสการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการแนวราบและโครงการอาคารสูง ที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนโอกาสจากธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก"
ทั้งนี้อุตสาหกรรมเคมีก่อสร้าง ยังสามารถรองรับการเติบโตของการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของประเทศ ที่มีกลุ่มทุนต่างๆ การเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาสร้างโรงงานในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายการเข้าไปจับลูกค้าใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Home Use,งานฐานราก และการซ่อมแซม ล่าสุดบริษัทเตรียมใช้งบลงทุนกว่า 270 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตกลุ่มสีทาอาคารและเคมีภัณฑ์ ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งมีพื้นที่กว่า 20 ไร่
นอกจากนี้ DPAINT ยังเร่งขยายธุรกิจหลัก คือ ตลาดสีทาอาคาร ทั้งในประเทศ ในกลุ่มร้านค้าปลีก ทั้งกลุ่มโมเดิร์นเทรด กลุ่มร้านค้าส่งและร้านค้าปลีกทั่วประเทศ โดยสำหรับกลุ่มสีทาอาคาร บริษัทจะมุ่งเน้นไปยังตลาดสีระดับพรีเมียมและระดับกลาง จากปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมครอบคลุมทั้ง Premium Quality Grade, High Quality Grade และEconomy Quality Grade และบริษัทยังมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งใน Modern Trade/ Big Box, Modern Retail Shop, Traditional Trade, Online Market และ Projects
ขณะเดียวกันก็เตรียมขยายตลาดไปในประเทศกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะกัมพูชา และลาว ผ่านการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดตั้ง Distribution คาดว่าจะช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ประมาณ 5%
และบริษัทยังมีนโยบายสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการลงทุนหรือร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตไปพร้อมกัน โดยบริษัทฯได้อนุมัติการลงทุนใน บริษัทโฮมเพ้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นเครือข่ายศูนย์จำหน่ายสีทาอาคารชั้นนำของไทย มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าถือหุ้นในอัตรา 15% ซึ่งบริษัท โฮมเพ้นท์ มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อสนับสนุนให้บริษัทฯเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้าน บล.หยวนต้า คาดกำไรปกติ 2Q66 ที่ 13.5 ลบ. (-16.3% QoQ, +5.9% YoY) ชะลอลง QoQ จากค่าใช้จ่ายพนักงานขายและค่าใช้จ่ายผู้บริหารที่สูงขึ้น ขณะที่ YoY คาดยังเห็นการเติบโตจากการขยายช่องทางจัดจำหน่าย และสินค้ากลุ่มใหม่
และคาดแนวโน้มกำไรใน 2H66 จะเติบโตทั้ง HoH และ YoY จากประสิทธิภาพการสร้างรายได้ของพนักงานใหม่สูงขึ้น ประกอบกับสัดส่วนรายได้กลุ่มเคมีภัณฑ์ที่คาดจะสูงขึ้นชัดเจนมากขึ้น
บล.หยวนต้าจึงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในระยะยาวของ DPAINT คาดกำไรจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องในปี 2566-2567
ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER66 ต่ำเพียง 14.7 เท่า เทียบกับ TOA ที่ 25.6 เท่า จึงประเมินว่าราคาหุ้นปัจจุบันมี Downside ที่จำกัดแล้ว คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี2566 ที่ 9.20 บาท มี Upside gain 69.6%
กลยุทธ์การทำธุรกิจในปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จ ต้องเน้นการทำธุรกิจแบบครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจของ บมจ. สีเดลต้า (DPAINT) ที่ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านสีแห่งนวัตกรรม และ เคมีก่อสร้าง แบบครบวงจรจากเดิมที่เน้นเฉพาะผลิตภัณฑ์สี
โดย “มงคล ตั้งใจพิทักษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม DPAINT ระบุว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจครั้งสำคัญ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านสีแห่งนวัตกรรม และ เคมีก่อสร้าง แบบครบวงจร จากเดิมมุ่งเน้นด้านผลิตภัณฑ์สีเพียงอย่างเดียว ซึ่งโดยในปีนี้บริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเคมีก่อสร้างแล้วมากกว่า 20 ผลิตภัณฑ์ และตั้งเป้าจะเปิดให้ครบ 30 ผลิตภัณฑ์ในปีนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งช่างสี ช่างก่อสร้าง ลูกค้าโครงการ และ เจ้าของบ้าน
ซึ่งตลาดเคมีก่อสร้างมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 17,000 ล้านบาท และ มีอัตราการเติบโตสูงประมาณ 20-30% ต่อปี ซึ่งตลาดขยายตัวได้อัตราที่สูงกว่าตลาดสีทาอาคารที่คาดว่า เติบโตประมาณปีละ 3-5% แต่มีมูลค่าตลาดที่ใหญ่กว่าคือประมาณ 30,000 ล้านบาท
"การที่ DPAINT ขยายเข้าสู่ตลาด เคมีก่อสร้าง เพื่อขยายธุรกิจให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะสร้างผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยกลุ่มเคมีก่อสร้าง มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง และ สามารถเติบโตไปกับอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้าเจ้าของโครงการและ กลุ่มช่างได้อย่างตรงจุด ยิ่งกว่านั้น DPAINT เห็นโอกาสการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการแนวราบและโครงการอาคารสูง ที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนโอกาสจากธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก"
ทั้งนี้อุตสาหกรรมเคมีก่อสร้าง ยังสามารถรองรับการเติบโตของการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของประเทศ ที่มีกลุ่มทุนต่างๆ การเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาสร้างโรงงานในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายการเข้าไปจับลูกค้าใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Home Use,งานฐานราก และการซ่อมแซม ล่าสุดบริษัทเตรียมใช้งบลงทุนกว่า 270 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตกลุ่มสีทาอาคารและเคมีภัณฑ์ ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งมีพื้นที่กว่า 20 ไร่
นอกจากนี้ DPAINT ยังเร่งขยายธุรกิจหลัก คือ ตลาดสีทาอาคาร ทั้งในประเทศ ในกลุ่มร้านค้าปลีก ทั้งกลุ่มโมเดิร์นเทรด กลุ่มร้านค้าส่งและร้านค้าปลีกทั่วประเทศ โดยสำหรับกลุ่มสีทาอาคาร บริษัทจะมุ่งเน้นไปยังตลาดสีระดับพรีเมียมและระดับกลาง จากปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมครอบคลุมทั้ง Premium Quality Grade, High Quality Grade และEconomy Quality Grade และบริษัทยังมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งใน Modern Trade/ Big Box, Modern Retail Shop, Traditional Trade, Online Market และ Projects
ขณะเดียวกันก็เตรียมขยายตลาดไปในประเทศกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะกัมพูชา และลาว ผ่านการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดตั้ง Distribution คาดว่าจะช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ประมาณ 5%
และบริษัทยังมีนโยบายสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการลงทุนหรือร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตไปพร้อมกัน โดยบริษัทฯได้อนุมัติการลงทุนใน บริษัทโฮมเพ้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นเครือข่ายศูนย์จำหน่ายสีทาอาคารชั้นนำของไทย มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าถือหุ้นในอัตรา 15% ซึ่งบริษัท โฮมเพ้นท์ มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อสนับสนุนให้บริษัทฯเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้าน บล.หยวนต้า คาดกำไรปกติ 2Q66 ที่ 13.5 ลบ. (-16.3% QoQ, +5.9% YoY) ชะลอลง QoQ จากค่าใช้จ่ายพนักงานขายและค่าใช้จ่ายผู้บริหารที่สูงขึ้น ขณะที่ YoY คาดยังเห็นการเติบโตจากการขยายช่องทางจัดจำหน่าย และสินค้ากลุ่มใหม่
และคาดแนวโน้มกำไรใน 2H66 จะเติบโตทั้ง HoH และ YoY จากประสิทธิภาพการสร้างรายได้ของพนักงานใหม่สูงขึ้น ประกอบกับสัดส่วนรายได้กลุ่มเคมีภัณฑ์ที่คาดจะสูงขึ้นชัดเจนมากขึ้น
บล.หยวนต้าจึงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในระยะยาวของ DPAINT คาดกำไรจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องในปี 2566-2567
ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER66 ต่ำเพียง 14.7 เท่า เทียบกับ TOA ที่ 25.6 เท่า จึงประเมินว่าราคาหุ้นปัจจุบันมี Downside ที่จำกัดแล้ว คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี2566 ที่ 9.20 บาท มี Upside gain 69.6%