นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) พร้อมแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 เรียบร้อยแล้ว
“เอเชียนน้ำมันปาล์ม” หรือ APO มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 120 ล้านบาท เตรียมเพิ่มทุนอีก 50 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนหลัง IPO ที่ 170 ล้านบาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น สัดส่วนหุ้นที่เสนอขายคิดเป็น 29.41% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายแล้วของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai” นายสมศักดิ์กล่าว
ด้านนายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะเพิ่มศักยภาพ ขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจให้มีความมั่นคง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น สร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ขยายกิจการในอนาคต
ทั้งนี้ “เอเชียนน้ำมันปาล์ม” หรือ APO ด้วยประสบการณ์ร่วม 40 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ รวมถึงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจจากผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบบูรณาการและยั่งยืน เพื่อการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ภายใต้การจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน ตลอดจนคู่ค้า ลูกค้า คู่แข่ง รวมไปถึงการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะชุมชนในท้องถิ่น
“เอเชียนน้ำมันปาล์ม” หรือ APO มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 120 ล้านบาท เตรียมเพิ่มทุนอีก 50 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนหลัง IPO ที่ 170 ล้านบาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น สัดส่วนหุ้นที่เสนอขายคิดเป็น 29.41% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายแล้วของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai” นายสมศักดิ์กล่าว
ด้านนายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะเพิ่มศักยภาพ ขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจให้มีความมั่นคง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น สร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ขยายกิจการในอนาคต
ทั้งนี้ “เอเชียนน้ำมันปาล์ม” หรือ APO ด้วยประสบการณ์ร่วม 40 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ รวมถึงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจจากผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบบูรณาการและยั่งยืน เพื่อการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ภายใต้การจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน ตลอดจนคู่ค้า ลูกค้า คู่แข่ง รวมไปถึงการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะชุมชนในท้องถิ่น