จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ตลาดที่อยู่อาศัย ปี66 โต PREB มั่นใจผลงานเป็นตามแผน
11 กรกฎาคม 2566
ตลาดที่อยู่อาศัยปี 2566 ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หนุนรายได้ของบมจ.บมจ.พรีบิลท์ (PREB) โตแตะ 10% ตามเป้าหมายของบริษัท
SCB EIC วิเคราะห์ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อจากทั้งในประเทศ และต่างชาติ โดยหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวราว +1% ถึง +6%YOY อยู่ที่ระดับราว 397,000 ถึง 418,000 หน่วย ส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวราว +2% ถึง +7%YOY อยู่ที่ระดับราว 1.09 ถึง 1.14 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ตลาดแนวราบกลุ่มบ้านเดี่ยวบ้านแฝดยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี กลุ่มทาวน์เฮาส์คาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากที่หดตัวมากในปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคอนโดจะขยายตัวได้มากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดระดับบน สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยมือสองยังมีแนวโน้มได้รับความนิยมต่อเนื่อง หลังจากที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีที่ผ่านมา
สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวดีขึ้น สนับสนุนการเติบโตของ บมจ.พรีบิลท์ (PREB) ที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่ง “วิโรจน์ เจริญตรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PREB ระบุว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งแรกของปี 66 เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้
โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากงานก่อสร้างมูลค่า 6,000 ล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรายได้รวมที่ระดับ 8,000 ล้านบาท
รวมทั้งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังมียอดขายรอโอนจาก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการพิมนารา ศรีนครินทร์ บางนา โครงการพิมนารา ธรรมศาสตร์ รังสิต โครงการพรีวิลเลจ ธรรมศาสตร์ รังสิต และที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีอีก 2 โครงการ คือ โครงการพิมนารา ศาลายาและโครงการพรรณนา ทวีวัฒนา ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีมูลค่ายอดโอนรวมกันกว่า 1,200 ล้านบาท
"ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 10% และบริษัทฯมีแผนจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ยื่นประมูลงานรับเหมาก่อสร้างใหม่ ซึ่งเป็นงานก่อสร้างประเภทคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน รวมทั้งยังมีงานที่รอประมูลใหม่อีกจำนวนมาก ซึ่งมั่นใจว่าจะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างมั่นคง"
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในระยะยาวภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรายได้รวมที่ระดับ 8,000 ล้านบาท และภายใน 3 ปีจะเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็น 50% ของกำไรรวมจากปี 65 มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ขณะที่กำไรมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ 80%
โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะนำเสนอระบบการก่อสร้างที่พักอาศัยด้วยระบบการทำงานแบบใหม่มีการศึกษาและการนำนวัตกรรม หรือการนำสินค้าหรือวัสดุใหม่ๆ รวมถึงวัสดุ Pre-Cast ที่พัฒนาในลักษณะเฉพาะของบริษัทเองให้กับโครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อบริหารต้นทุนค่าก่อสร้าง ลดระยะเวลาก่อสร้างและสามารถควบคุมคุณภาพได้ดีมากขึ้น
SCB EIC วิเคราะห์ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อจากทั้งในประเทศ และต่างชาติ โดยหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวราว +1% ถึง +6%YOY อยู่ที่ระดับราว 397,000 ถึง 418,000 หน่วย ส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวราว +2% ถึง +7%YOY อยู่ที่ระดับราว 1.09 ถึง 1.14 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ตลาดแนวราบกลุ่มบ้านเดี่ยวบ้านแฝดยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี กลุ่มทาวน์เฮาส์คาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากที่หดตัวมากในปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคอนโดจะขยายตัวได้มากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดระดับบน สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยมือสองยังมีแนวโน้มได้รับความนิยมต่อเนื่อง หลังจากที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีที่ผ่านมา
สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวดีขึ้น สนับสนุนการเติบโตของ บมจ.พรีบิลท์ (PREB) ที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่ง “วิโรจน์ เจริญตรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PREB ระบุว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งแรกของปี 66 เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้
โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากงานก่อสร้างมูลค่า 6,000 ล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรายได้รวมที่ระดับ 8,000 ล้านบาท
รวมทั้งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังมียอดขายรอโอนจาก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการพิมนารา ศรีนครินทร์ บางนา โครงการพิมนารา ธรรมศาสตร์ รังสิต โครงการพรีวิลเลจ ธรรมศาสตร์ รังสิต และที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีอีก 2 โครงการ คือ โครงการพิมนารา ศาลายาและโครงการพรรณนา ทวีวัฒนา ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีมูลค่ายอดโอนรวมกันกว่า 1,200 ล้านบาท
"ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 10% และบริษัทฯมีแผนจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ยื่นประมูลงานรับเหมาก่อสร้างใหม่ ซึ่งเป็นงานก่อสร้างประเภทคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน รวมทั้งยังมีงานที่รอประมูลใหม่อีกจำนวนมาก ซึ่งมั่นใจว่าจะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างมั่นคง"
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในระยะยาวภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรายได้รวมที่ระดับ 8,000 ล้านบาท และภายใน 3 ปีจะเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็น 50% ของกำไรรวมจากปี 65 มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ขณะที่กำไรมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ 80%
โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะนำเสนอระบบการก่อสร้างที่พักอาศัยด้วยระบบการทำงานแบบใหม่มีการศึกษาและการนำนวัตกรรม หรือการนำสินค้าหรือวัสดุใหม่ๆ รวมถึงวัสดุ Pre-Cast ที่พัฒนาในลักษณะเฉพาะของบริษัทเองให้กับโครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อบริหารต้นทุนค่าก่อสร้าง ลดระยะเวลาก่อสร้างและสามารถควบคุมคุณภาพได้ดีมากขึ้น