จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง-ขนส่งน้ำมันคึกคัก ผลักดันผลงาน PRM ปีนี้ทะลุเป้า10%
12 กรกฎาคม 2566
การท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวแรง แนวโน้มขนส่งน้ำมันคึกคัก และรับผลดีจากธุรกิจ Offshore Support จากเรือโรงแรมลอยน้ำ หนุนรายได้ปีนี้โตทะลุเป้า 10%
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวว่า ไตรมาส 2/66 ตลาดในประเทศยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากประมาณการนักท่องเที่ยวผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยทั้งปีที่ประมาณ 200 ล้านคน/ครั้ง ล่าสุดครึ่งปี อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านคน/ครั้งแล้ว และคาดว่า ปลายปีนี้ไทยเที่ยวไทยจะเกินเป้ารายได้ตลาดในประเทศที่ 8.8 แสนล้านบาท
สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น ล่าสุดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย อยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านคน ดังนั้นจึงเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าที่ 25 ล้านคน ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันนั้น อาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะตลาดระยะใกล้ เช่น มาเลเซีย จีน และอินเดีย และตลาดระยะไกล เช่น รัสเซีย ซึ่งต้องติดตามว่านักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้จะแตะ 28-30 ล้านคนได้หรือไม่
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนการใช้พลังงานในประเทศ โดยสนพ. เปิดเผยถึงสถานการณ์พลังงานในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-เม.ย.) พบว่าการใช้พลังงานขั้นต้น เพิ่มขึ้น 3.8% จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย (เชิงพาณิชย์) เพิ่มขึ้น 0.4% โดยเพิ่มขึ้นมาจากการใช้น้ำมันสำเร็จรูป 3.8% ผลมาจากการเดินทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้น้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มถึง 89.1% และน้ำมันเบนซิน 6.2% ในขณะที่พลังงานอื่นๆ มีการใช้ลดลง โดยการใช้ลิกไนต์/ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม ลดลง 8.9%
จากการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องส่งผลให้การใช้น้ำมันในประเทศปรับเพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อธุรกิจของบมจ. พริมา มารีน (PRM) ที่ทำธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ
โดย “วิริทธิ์พล จุไรสินธุ์” ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานตลอดปี2566 คาดผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากที่ไตรมาส1/2566 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 42.5%ทั้งธุรกิจเรือขนส่งในประเทศ
ซึ่งได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และมีปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นในช่วงวันหยุดยาว และธุรกิจ Offshore Support จากการที่เรือ AWB หรือเรือโรงแรมลอยน้ำในกลุ่มนี้ได้เริ่มเข้างานภายใต้สัญญาฉบับใหม่ ในขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ ยังคงสามารถรักษาระดับการใช้งานเรือให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า10% จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังได้รับผลดีจากธุรกิจเรือขนส่งฯ ระหว่างประเทศที่จะรับรู้รายได้เต็มปีหลังจากที่เรือVLCCลำที่ 2และ3 ในกลุ่มนี้เริ่มทำงานในเดือนมิถุนายน และกันยายน2565ตามลำดับ
ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวซึ่งเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการดำเนินงานของPRMในทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทฯ กำลังมองหาโอกาสใหม่ในการซื้อเรือลำใหม่ เพื่อรองรับธุรกิจการสนับสนุนการสำรวจและผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งและธุรกิจเรือขนส่งปิโตรเคมีเพิ่มเติมอยู่ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือทั้งกลุ่มประมาณ3พันล้านบาท ที่พร้อมขยายการลงทุนได้ทันที แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับจังหวะราคาเรือและเวลาที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนต่อการลงทุนให้คุ้มค่าที่สุด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวว่า ไตรมาส 2/66 ตลาดในประเทศยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากประมาณการนักท่องเที่ยวผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยทั้งปีที่ประมาณ 200 ล้านคน/ครั้ง ล่าสุดครึ่งปี อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านคน/ครั้งแล้ว และคาดว่า ปลายปีนี้ไทยเที่ยวไทยจะเกินเป้ารายได้ตลาดในประเทศที่ 8.8 แสนล้านบาท
สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น ล่าสุดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย อยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านคน ดังนั้นจึงเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าที่ 25 ล้านคน ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันนั้น อาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะตลาดระยะใกล้ เช่น มาเลเซีย จีน และอินเดีย และตลาดระยะไกล เช่น รัสเซีย ซึ่งต้องติดตามว่านักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้จะแตะ 28-30 ล้านคนได้หรือไม่
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนการใช้พลังงานในประเทศ โดยสนพ. เปิดเผยถึงสถานการณ์พลังงานในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-เม.ย.) พบว่าการใช้พลังงานขั้นต้น เพิ่มขึ้น 3.8% จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย (เชิงพาณิชย์) เพิ่มขึ้น 0.4% โดยเพิ่มขึ้นมาจากการใช้น้ำมันสำเร็จรูป 3.8% ผลมาจากการเดินทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้น้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มถึง 89.1% และน้ำมันเบนซิน 6.2% ในขณะที่พลังงานอื่นๆ มีการใช้ลดลง โดยการใช้ลิกไนต์/ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม ลดลง 8.9%
จากการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องส่งผลให้การใช้น้ำมันในประเทศปรับเพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อธุรกิจของบมจ. พริมา มารีน (PRM) ที่ทำธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ
โดย “วิริทธิ์พล จุไรสินธุ์” ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานตลอดปี2566 คาดผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากที่ไตรมาส1/2566 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 42.5%ทั้งธุรกิจเรือขนส่งในประเทศ
ซึ่งได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และมีปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นในช่วงวันหยุดยาว และธุรกิจ Offshore Support จากการที่เรือ AWB หรือเรือโรงแรมลอยน้ำในกลุ่มนี้ได้เริ่มเข้างานภายใต้สัญญาฉบับใหม่ ในขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ ยังคงสามารถรักษาระดับการใช้งานเรือให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า10% จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังได้รับผลดีจากธุรกิจเรือขนส่งฯ ระหว่างประเทศที่จะรับรู้รายได้เต็มปีหลังจากที่เรือVLCCลำที่ 2และ3 ในกลุ่มนี้เริ่มทำงานในเดือนมิถุนายน และกันยายน2565ตามลำดับ
ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวซึ่งเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการดำเนินงานของPRMในทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทฯ กำลังมองหาโอกาสใหม่ในการซื้อเรือลำใหม่ เพื่อรองรับธุรกิจการสนับสนุนการสำรวจและผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งและธุรกิจเรือขนส่งปิโตรเคมีเพิ่มเติมอยู่ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือทั้งกลุ่มประมาณ3พันล้านบาท ที่พร้อมขยายการลงทุนได้ทันที แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับจังหวะราคาเรือและเวลาที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนต่อการลงทุนให้คุ้มค่าที่สุด