บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำด้านการผลิตยางพาราและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า หน่วยงาน ESG Rating สถาบันไทยพัฒน์ได้ประกาศให้ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NER) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2566 จากการคัดเลือกหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมด 888 หลักทรัพย์ ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) ซึ่งบริษัทมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบ ESG100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน (พ.ศ.2562-2566) นับตั้งแต่ที่เป็นบริษัทจดทะเบียน
การที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 บริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่มุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และหลักบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) หรือ ESG และเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นยั่งยืนที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
NER มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการผลิตยางพาราและการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดของเสียในการผลิต บริหารจัดการในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และมุ่งมั่นผลักดันให้องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดภาวะโลกร้อน และขับเคลื่อนองค์กรสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเน้นการดำเนินงานในมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและธรรมาภิบาล และตอบสนองผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในระยะยาว
สำหรับการจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
ขณะที่การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า หน่วยงาน ESG Rating สถาบันไทยพัฒน์ได้ประกาศให้ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NER) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2566 จากการคัดเลือกหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมด 888 หลักทรัพย์ ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) ซึ่งบริษัทมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบ ESG100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน (พ.ศ.2562-2566) นับตั้งแต่ที่เป็นบริษัทจดทะเบียน
การที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 บริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่มุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และหลักบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) หรือ ESG และเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นยั่งยืนที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
NER มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการผลิตยางพาราและการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดของเสียในการผลิต บริหารจัดการในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และมุ่งมั่นผลักดันให้องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดภาวะโลกร้อน และขับเคลื่อนองค์กรสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเน้นการดำเนินงานในมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและธรรมาภิบาล และตอบสนองผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในระยะยาว
สำหรับการจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
ขณะที่การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป