Wealth Sharing

บล.พายคาดสัปดาห์นี้กรอบดัชนี 1500 – 1540 เกาะติดการเลือกนายก-ผลประกอบการบจ.


17 กรกฎาคม 2566
บล.พายระบุว่าตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 0.3% ได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน หลังจาก United Health เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ลดลง 1.8% จากแรงทำกำไร
บล.พายคาดสัปดาห์นี้กรอบดัชนี.jpg
สัปดาห์นี้ประเมินปัจจัยในประเทศยังคงสำคัญต่อเนื่องทั้งผลประกอบการ 2Q22 และการเมืองในประเทศ สำหรับผลประกอบการ 2Q22 ประเมินว่าในสัปดาห์นี้จะเห็นการรายงานของกลุ่ม Bank เราคาดกำไรทั้งกลุ่มอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท (+1.3%QoQ +16,5%YoY) นับเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 19 ไตรมาส ได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) จากการขยายตัวของสินเชื่อและส่วนต่างดอกเบี้ยที่ดีขึ้น (NIM) ตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคาดหุ้นที่มีกำไรขยายตัวเด่นสุดได้แก่ BBL +3%QoQ +50%YoY นอกจากนี้ยังเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไรก่อนการตั้งสำรองขยายตัวเด่นสุด (+25%YoY) โดยการขยายตัวเด่นของ BBL ได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ดีขึ้นกับสำรองหนี้ที่ลดลง พร้อมเลือกหุ้นเด่นในกลุ่ม Bank ได้แก่ BBL KTB สำหรับปัจจัยการเมืองหลังผ่านพ้นการเลือกนายกฯใน วันที่ 13 ก.ค. สัปดาห์นี้จะเข้าสู่กระบวนการเลือกรอบ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งเราเชื่อว่า หากยังเสนอคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ประเมินเช่นเดิมว่าจะไม่ผ่านการโหวดจาก ส.ว. 

ทั้งนี้ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาคุณพิธาได้โพสต์ FB ระบุว่าหากพรรคก้าวไกลไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ก็พร้อมเปิดโอกาสให้พรรคอันดับสองอย่างพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและ ส.ส. พรรคก้าวไกลทุกคนก็พร้อมสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นยิ่งเพิ่มความน่าจะเป็นที่ พรรคเพื่อไทยจะขึ้นเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้หากพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นตัวหลักในการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าตลาดทุนมีโอกาสตอบรับเชิงบวกจากการผ่อนคลาย นโยบายของพรรคก้าวไกลพร้อมมองกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) จะดู มีความน่าสนใจมากขึ้น 

อย่างไรก็ตามอาจต้องระมัดระวังการชุมนุมประท้วงที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่พอใจของประชาชนบางกลุ่มที่ผิดหวังกับผลโหวดนายกรัฐมนตรี แต่หากเกิดขึ้นก็มองเป็นเพียงแรงกดดันระยะสั้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตามยอดค้าปลีกของสหรัฐฯในวันอังคาร Bloomberg ประเมินไว้ที่ 0.5%MoM โดยสัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1500 – 1540 เชิงกลยุทธ์การลงทุน Trading เลือกกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM)
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 190.00 บาท)

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท (+50% YoY, +3% QoQ) แม้รายได้ค่าธรรมเนียมจะเบาบางและคาดถึงกำไรสุทธิจากมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุน (FVTPL) ที่น้อยลงเพราะตลาดทุนที่ผันผวน แต่คาดว่ากำไรสุทธิจะโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จาก 1) NII ที่โตขึ้นเพราะ NIM ที่ขยายตัว และ 2) การตั้งสำรองหนี้ฯ ที่ลดลง
BGRIM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 42.00 บาท)

ราคาหุ้นลดลงแรงตามกลุ่มสาธารณูปโภคเพราะบรรยากาศเชิงลบในอุตสาหกรรมที่อาจรวมถึงการปฏิรูปนโยบายพลังงานในอนาคต สืบเนื่องจากภูมิทัศน์ทางการเมืองไทยที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ราคาหุ้นลดลงมาซื้อขายกันที่ 33xPE24E หรือต่ำ -2.0SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งเราเชื่อว่าสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ทั้งนี้คาดว่ากำไรจะค่อย ๆ ฟื้นตัวตลอดทั้งปี 2023