จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : คลังเร่งหน่วยงานรัฐ-รัฐวิสาหกิจลงทุน กระตุ้นศก. หนุนผลงาน IND โตตามเป้า
17 กรกฎาคม 2566
คลังมั่นใจเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง แม้ตั้งรัฐบาลล่าช้า หนุนหน่วยงานรัฐเร่งเบิกจ่ายงบ กระตุ้นรัฐวิสาหกิจลงทุน สนับสนุนผลงานการก่อสร้างของบริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) ปีนี้ตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 15-20%
แม้จะมีการมองว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า อาจกระทบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ประมาณ 6 เดือน แต่กระทรวงการคลังยืนยันมีแผนรองรับไว้พร้อมแล้ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ โดยผ่านแนวทาง
1.การนำงบประมาณรายจ่ายประจำที่สามารถเบิกจ่ายก่อนได้ จากเดิมที่จะเบิกจ่ายช่วงปลายปีงบประมาณ ให้นำมาใช้ก่อนในช่วงต้นปีงบประมาณทันที เช่น งบอบรม สัมมนา ซึ่งมีอยู่ราว 5-6 หมื่นล้านบาท
2.งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 5 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ จะต้องไปดูว่ามีเท่าใดที่จะสามารถเร่งเบิกจ่ายได้
3.เป็นโครงการต่างๆ ที่ขับเคลื่อนโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) อีกประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
และเชื่อว่างบจากทั้ง 3 ส่วนนี้ จะสามารถเพียงพอรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อระหว่างที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่
ด้านโฆษกกระทรวงการคลัง นายพรชัย ฐีระเวช กล่าวว่า ในปี 2566 นี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.6% ซึ่งเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมีการบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคาดว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ราว 29 ล้านคน ในขณะที่คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัด จะกลับมาเกินดุลที่ 4.2 พันล้านดอลลาร์ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.6% กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ กระทรวงการคลัง จะมีการทบทวนตัวเลขจีดีพีสำหรับปี 66 ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมีปัจจัยที่เปลี่ยนไปจากสมมติฐานเดิมที่วางไว้ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่ามากขึ้น ซึ่งส่งผลทั้งแง่บวก และผลข้างเคียง รวมทั้งกรณีของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน
สำหรับแผนการคลังระยะปานกลางปี 66-70 นั้น จะยังเป็นการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยตั้งแต่ปีงบ 67 มีความพยายามที่จะควบคุมสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อจีดีพีไม่ให้เกิน 3% และจะปรับลดขนาดการขาดดุลลงอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง เพื่อมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณแบบสมดุลในระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายปี 67 ตั้งเป้ารายได้ที่ 2.75 ล้านล้านบาท และรายจ่ายที่ 3.35 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 3% ต่อจีดีพี
การลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ยังทำได้ต่อเนื่อง สร้างความแข็งแกร่งให้กับ บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) ที่ทำธุรกิจให้บริการงานวิศวกรรมออกแบบพร้อมก่อสร้างและวิศวกรรมที่ปรึกษาแบบครบวงจร ทั้งด้านงานสำรวจ ศึกษาความเหมาะสมและวางแผนแม่บท งานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายละเอียด งานบริหารโครงการและงานควบคุมการก่อสร้าง และงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง โดย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ ดร.พรลภัส ณ ลำพูน” เชื่อว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยมีปัจจัยสนับสนุนได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนของภาครัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น และบริษัททยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 2,036 ล้านบาท (ณ วันที่ 30 เม.ย.66) ซึ่งช่วยสนับสนุนให้รายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15-20 %
“IND มีศักยภาพเป็นบริษัทชั้นนำ ด้านวิศวกรรมที่ปรึกษา และออกแบบพร้อมก่อสร้างในการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ได้รับการยอมรับ จึงมีโอกาสเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ ทำให้มีงานในมือทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมูลค่างานในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตในทิศทางที่ดี ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้” ดร.พรลภัส กล่าว
แม้จะมีการมองว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า อาจกระทบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ประมาณ 6 เดือน แต่กระทรวงการคลังยืนยันมีแผนรองรับไว้พร้อมแล้ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ โดยผ่านแนวทาง
1.การนำงบประมาณรายจ่ายประจำที่สามารถเบิกจ่ายก่อนได้ จากเดิมที่จะเบิกจ่ายช่วงปลายปีงบประมาณ ให้นำมาใช้ก่อนในช่วงต้นปีงบประมาณทันที เช่น งบอบรม สัมมนา ซึ่งมีอยู่ราว 5-6 หมื่นล้านบาท
2.งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 5 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ จะต้องไปดูว่ามีเท่าใดที่จะสามารถเร่งเบิกจ่ายได้
3.เป็นโครงการต่างๆ ที่ขับเคลื่อนโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) อีกประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
และเชื่อว่างบจากทั้ง 3 ส่วนนี้ จะสามารถเพียงพอรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อระหว่างที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่
ด้านโฆษกกระทรวงการคลัง นายพรชัย ฐีระเวช กล่าวว่า ในปี 2566 นี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.6% ซึ่งเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมีการบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคาดว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ราว 29 ล้านคน ในขณะที่คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัด จะกลับมาเกินดุลที่ 4.2 พันล้านดอลลาร์ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.6% กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ กระทรวงการคลัง จะมีการทบทวนตัวเลขจีดีพีสำหรับปี 66 ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมีปัจจัยที่เปลี่ยนไปจากสมมติฐานเดิมที่วางไว้ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่ามากขึ้น ซึ่งส่งผลทั้งแง่บวก และผลข้างเคียง รวมทั้งกรณีของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน
สำหรับแผนการคลังระยะปานกลางปี 66-70 นั้น จะยังเป็นการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยตั้งแต่ปีงบ 67 มีความพยายามที่จะควบคุมสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อจีดีพีไม่ให้เกิน 3% และจะปรับลดขนาดการขาดดุลลงอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง เพื่อมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณแบบสมดุลในระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายปี 67 ตั้งเป้ารายได้ที่ 2.75 ล้านล้านบาท และรายจ่ายที่ 3.35 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 3% ต่อจีดีพี
การลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ยังทำได้ต่อเนื่อง สร้างความแข็งแกร่งให้กับ บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) ที่ทำธุรกิจให้บริการงานวิศวกรรมออกแบบพร้อมก่อสร้างและวิศวกรรมที่ปรึกษาแบบครบวงจร ทั้งด้านงานสำรวจ ศึกษาความเหมาะสมและวางแผนแม่บท งานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายละเอียด งานบริหารโครงการและงานควบคุมการก่อสร้าง และงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง โดย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ ดร.พรลภัส ณ ลำพูน” เชื่อว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยมีปัจจัยสนับสนุนได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนของภาครัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น และบริษัททยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 2,036 ล้านบาท (ณ วันที่ 30 เม.ย.66) ซึ่งช่วยสนับสนุนให้รายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15-20 %
“IND มีศักยภาพเป็นบริษัทชั้นนำ ด้านวิศวกรรมที่ปรึกษา และออกแบบพร้อมก่อสร้างในการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ได้รับการยอมรับ จึงมีโอกาสเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ ทำให้มีงานในมือทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมูลค่างานในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตในทิศทางที่ดี ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้” ดร.พรลภัส กล่าว