จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : PCC แกร่งเข้าเกณฑ์ ดัชนี sSET เดินหน้าประมูลงานตามเป้า


18 กรกฎาคม 2566
บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากการได้รับคัดเลือกเป็นหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี sSET ขณะที่บริษัทลุยเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน  รวมทั้งสถานีชาร์จของ Tesla  หนุนรายได้ปีนี้ทำได้ตามเป้าหมาย

รายงานพิเศษ PCC แกร่งเข้าเกณฑ์ ดัชนี sSET.jpg

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ประกาศผลการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET50 SET100 sSET  SETCLMV SETHD SETTHSI และ SETWB  ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 (1 ก.ค. - 31 ธ.ค.) โดยในส่วนของดัชนี sSET มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 21 หลักทรัพย์  รวมทั้ง บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC)  สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัท นับตั้งแต่ที่บริษัทเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนต.ค. 2565 

ด้านผลการดำเนินธุรกิจบริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดย ล่าสุด บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น แจ้งว่า  บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จํากัด  ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ลงนามสัญญางานจ้างจัดหาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมในระบบจําหน่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในนามกิจการร่วมค้า CONSORTIUM OF PSP & TIMPANO ประกอบด้วย บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จํากัด และบริษัท ทิมพาโน อิเลคทริคอล จำกัด ซึ่งได้ลงนามสัญญางานจ้างทั้ง 4 เขตพื้นที่ มูลลค่าสัญญารวม 384.14 ล้านบาท ได้แก่ ภาคเหนือ มูลค่า 76.83 ล้านบาท, ภาคใต้ มูลค่า 78.97 ล้านบาท, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่า 111.6 ล้านบาท และภาคกลาง มูลค่า 116.74 ล้านบาท

สนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัท  โดย “อมร แดงโชติ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC)  คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/66 ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง และ ณ สิ้นไตรมาส 1/66 งานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1.99 พันล้านบาท
          
สำหรับแผนธุรกิจในปี 66 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 4,860 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ยังมีโอกาสการเติบโตตามอุตสาหกรรม อาทิ โครงการเปลี่ยนมิเตอร์จากจานหมุนให้เป็นสมาร์ทมิเตอร์ ซึ่งเป็นโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยกฟภ.มีแผนจะเปลี่ยนมิเตอร์จำนวน 18 ล้านเครื่องภายใน 7 ปี หรือระหว่างปี 2565-2571  คาดว่าปีนี้เปิดประมูลราว 2 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลดังกล่าว เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทฯอย่างแข็งแกร่ง
          
รวมถึงระบบไฟฟ้าในอนาคตที่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสามารถตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการที่มีจำนวนรถไฟฟ้า (EV) และ สถานีชาร์จ (Charging Station) รวมถึงการลงทุน Solar cell จากบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความจำเป็นที่ระบบไฟฟ้าย่อมจะต้องมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งบริษัทฯ ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจโซลูชั่นครบวงจร ของระบบ Smart Grid หรือ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน โดยครอบคลุมตั้งแต่การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีทั้งห่วงโซ่ของระบบไฟฟ้าตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า การส่งไฟฟ้า การจำหน่ายไฟฟ้า ไปจนถึงภาคส่วนของผู้บริโภค ได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงการสื่อสารในการเก็บข้อมูลและทำการสั่งการควบคุม ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตอีกมากในอนาคต 
          
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเห็นโอกาสการเติบโตจากการที่ Tesla มีแผนจะขยายสถานีชาร์จ Tesla Supercharger ซึ่งในไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับงานจาก Tesla แล้วในการติดตั้งระบบ จำนวน 2 สถานีชาร์จ 
         
"เรายังคงยังคงเป้าหมายแผนธุรกิจ 3 ปี (66-68) รายได้แตะ 6,000 ล้านบาท จากการลงทุนด้านสมาร์ทกริดที่เพิ่มขึ้นทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างแน่นอน" นายอมร กล่าว