Wealth Sharing
“EURO” ยื่นไฟลิ่งจ่อขายIPO 78 ล้านหุ้น เพิ่มศักยภาพธุรกิจไลฟ์สไตล์ “Luxurious & High Quality Living”
18 กรกฎาคม 2566
นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “EURO” เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” เป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยมากว่า 25 ปี โดยนำเสนอเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่ง และอุปกรณ์ฟิตเนส จากหลากหลายประเทศโดยเฉพาะอิตาลีที่เป็นศูนย์กลางการออกแบบในอุตสาหกรรมการตกแต่ง นอกจากสินค้าที่กล่าวข้างต้นยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ ผลิตภัณท์สำหรับห้องน้ำ (Bathroom & Accessories) โคมไฟและอุปกรณ์ควบคุมอัจฉริยะ (Lighting & Automation) วัสดุปูพื้น (Flooring) โดยบริษัทฯ ยึดหลักการ Customer Centric เป็นสำคัญจึงมีบริการครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงบริการหลังการขาย ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกขั้นตอนของการตกแต่ง
ปัจจุบัน Euro Creations มีสินค้าและบริการที่ครอบคลุมการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัย โดยมี Luxury Brand ที่ได้การยอมรับของลูกค้าทั่วโลก อาทิเช่น Molteni&C และ DADA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งชั้นนำจากอิตาลีที่มีคอลเลกชั่นครบทุกพื้นที่อยู่อาศัย พร้อมชุดครัวและตู้เสื้อผ้าที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของการออกแบบ GESSI แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำชั้นนำจากอิตาลี Cassina แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบจากดีไซน์เนอร์ระดับตำนาน Giorgetti แบรนด์เฟอร์นิเจอร์เน้นด้านงานไม้โดยช่างฝีมือ Natuzzi Italia แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ด้านฟังชั่น ดีไซน์ และการใช้งาน และ Technogym อุปกรณ์ออกกำลังกายชั้นนำระดับโลกที่ผสานเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการออกกำลังกายและสุขภาพที่ทันสมัยเข้าไว้ด้วยได้อย่างลงตัว
ด้วยอัตลักษณ์ที่ชัดเจน ชื่อเสียงของแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จัก และดีไซน์ที่โดดเด่น ทำให้สินค้าแบรนด์ชั้นนำภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า B2B ที่เป็นผู้พัฒนาโครงการระดับลักซัวรี่ โดยนำไปใช้ในโครงการต่างๆ อาทิ มัลเบอร์รี โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯตลอดจนกลุ่มลูกค้า B2C ที่เป็นลูกค้ารายย่อยในเซ็กเมนต์ลักซัวรี่ด้วยเช่นกัน
บริษัทฯ มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ผ่านโชว์รูมที่เปิดดำเนินการแล้ว 5 แห่งในปัจจุบัน ได้แก่ 1) Euro Creations Flagship Gallery at Thonglor มีพื้นที่ขาย 3,759 ตารางเมตร 2) Natuzzi Italia at Siam Paragon มีพื้นที่ขาย 177 ตารางเมตร 3) Euro Creations Gallery at Crystal Design Center มีพื้นที่ขาย 1,102 ตารางเมตร 4) Technogym Flagship Showroom at Ekamai มีพื้นที่ขาย 598 ตารางเมตร และ 5) Technogym Showroom at Central Embassy มีพื้นที่ขาย 239 ตารางเมตร นอกจากนี้มีแผนจะขยายโชว์รูมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดบนทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อขยายบริการและฐานลูกค้าให้มากขึ้น
“ยูโร ครีเอชั่นส์ ดำเนินธุรกิจมากว่า 25 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” และเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของลูกค้ากลุ่มนี้ และมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้วิสัยทัศน์ “Life is Better in a Beautiful Space” โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์พื้นที่ใช้สอยที่ผสานเข้ากับเอกลักษณ์ของผู้ใช้และความงดงามของศิลปะ นายเควิน กล่าว
นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ หรือ EURO ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ มีทุนจดทะเบียน 152.50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 305 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 125 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 250 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนไม่เกิน 78 ล้านหุ้น เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตในอนาคต
ปัจจุบัน Euro Creations มีสินค้าและบริการที่ครอบคลุมการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัย โดยมี Luxury Brand ที่ได้การยอมรับของลูกค้าทั่วโลก อาทิเช่น Molteni&C และ DADA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งชั้นนำจากอิตาลีที่มีคอลเลกชั่นครบทุกพื้นที่อยู่อาศัย พร้อมชุดครัวและตู้เสื้อผ้าที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของการออกแบบ GESSI แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำชั้นนำจากอิตาลี Cassina แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบจากดีไซน์เนอร์ระดับตำนาน Giorgetti แบรนด์เฟอร์นิเจอร์เน้นด้านงานไม้โดยช่างฝีมือ Natuzzi Italia แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ด้านฟังชั่น ดีไซน์ และการใช้งาน และ Technogym อุปกรณ์ออกกำลังกายชั้นนำระดับโลกที่ผสานเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการออกกำลังกายและสุขภาพที่ทันสมัยเข้าไว้ด้วยได้อย่างลงตัว
ด้วยอัตลักษณ์ที่ชัดเจน ชื่อเสียงของแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จัก และดีไซน์ที่โดดเด่น ทำให้สินค้าแบรนด์ชั้นนำภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า B2B ที่เป็นผู้พัฒนาโครงการระดับลักซัวรี่ โดยนำไปใช้ในโครงการต่างๆ อาทิ มัลเบอร์รี โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯตลอดจนกลุ่มลูกค้า B2C ที่เป็นลูกค้ารายย่อยในเซ็กเมนต์ลักซัวรี่ด้วยเช่นกัน
บริษัทฯ มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ผ่านโชว์รูมที่เปิดดำเนินการแล้ว 5 แห่งในปัจจุบัน ได้แก่ 1) Euro Creations Flagship Gallery at Thonglor มีพื้นที่ขาย 3,759 ตารางเมตร 2) Natuzzi Italia at Siam Paragon มีพื้นที่ขาย 177 ตารางเมตร 3) Euro Creations Gallery at Crystal Design Center มีพื้นที่ขาย 1,102 ตารางเมตร 4) Technogym Flagship Showroom at Ekamai มีพื้นที่ขาย 598 ตารางเมตร และ 5) Technogym Showroom at Central Embassy มีพื้นที่ขาย 239 ตารางเมตร นอกจากนี้มีแผนจะขยายโชว์รูมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดบนทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อขยายบริการและฐานลูกค้าให้มากขึ้น
“ยูโร ครีเอชั่นส์ ดำเนินธุรกิจมากว่า 25 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” และเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของลูกค้ากลุ่มนี้ และมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้วิสัยทัศน์ “Life is Better in a Beautiful Space” โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์พื้นที่ใช้สอยที่ผสานเข้ากับเอกลักษณ์ของผู้ใช้และความงดงามของศิลปะ นายเควิน กล่าว
นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ หรือ EURO ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ มีทุนจดทะเบียน 152.50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 305 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 125 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 250 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนไม่เกิน 78 ล้านหุ้น เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตในอนาคต