จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : คาดตลาดอสังหาฯปี66 โต5-15% SA รับอานิสงส์ “นักท่องเที่ยว-นักลงทุน” ฟื้น
03 กุมภาพันธ์ 2566
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญคาดแนวโน้มเปิดตัวโครงการใหม่ปี 66 โต 5-15% หนุนผลงาน บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) พุ่งทำสถิติ จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร ที่ได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเดินทางกลับมา
บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์แนวโน้มการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2566 ว่า มีแนวโน้มที่จะเติบโต 5-15% ในขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มเติบโต 0-10% ขึ้นกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2566โดยการคาดการณ์ดังกล่าว LWS ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการเติบโตของเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ใน 3-Scenarios ได้แก่
กรณีที่ดีที่สุด(Best Case) :เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตไม่น้อยกว่า 2.9% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนคลี่คลายซึ่งจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่น้อยกว่า 4.2% และอัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 3% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 118,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 543,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15% และอัตราการโอนกรรมสิทธิจะมีแนวโน้มเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2565
กรณีปกติ(Base Case):เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตประมาณ 2% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง ซึ่งจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่น้อยกว่า 3.5% และอัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 3% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 108,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 488,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% และอัตราการโอนกรรมสิทธิจะมีแนวโน้มเติบโตไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับปี 2565
กรณีที่แย่ที่สุด(Worst Case):เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตน้อยกว่า 2% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อและรุนแรง ทำให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตน้อยกว่า 3% และอัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 5% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 105,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 474,000 ล้านบาท หรือเติบโตน้อยกว่า 5% และอัตราการโอนกรรมสิทธิ์จะมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2565
แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง ส่งผลดีต่อธุรกิจบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) ที่ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยเพื่อจำหน่าย ทั้งประเภทโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ รวมทั้งธุรกิจร้านอาหาร และเครื่องดื่ม ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเทคโนโลยีของการพักอาศัย
โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” ระบุบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 66 ไว้ที่ประมาณ 6,000-6,600 ล้านบาท โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากโครงการแนวราบประมาณ 38% และโครงการแนวสูงประมาณ 62%
และบริษัทฯ มีแผนจะเปิดโครงการอสังหาฯ แนวราบใหม่ในปี 66 จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ SIAMESE KIN Ramintra , SIAMESE HOLM Phahol Vibhavadi , SIAMESE BLOSSOM Phahol Vibhavadi , MONSANE Ratchapruek-Chaeng Wattana และอีก 1 โครงการในอนาคต Housing (Phutthamonthon sai4) มูลค่ารวมประมาณ 11,225 ล้านบาท นอกจากนี้มีโครงการ Mixed Use จำนวน 2 โครงการได้แก่ Wellness & Healthcare @Talingchan Plot A และ Condominium @Talingchan Plot B อีกด้วย
ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ (Under Development) จำนวน 7 โครงการ มูลค่า 22,291 ล้านบาท และมี Backlog Forecast มูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 68
ขณะเดียวกันธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วยธุรกิจโรงแรม ธุรกิจให้เช่า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเทคโนโลยีของการพักอาศัย และธุรกิจการเงินและการลงทุน มีแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากอานิสงส์การกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
"เรามุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ และธุรกิจอื่นๆ อยู่เสมอเพื่อให้ SA เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร จากการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งที่มีอยู่แล้วและต่อยอดธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่เด่นชัด พร้อมกันนี้ในปี 2566 ได้ตั้งเป้ารายได้แตะ 6,000-6,600 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยมีสาเหตุหลักจากการขยายตัวของฐานรายได้โครงการแนวราบปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับธุรกิจอื่นๆ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อาทิ ธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากปีก่อน" นายขจรศิษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการวางกลยุทธ์ปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ส่งผลทำให้ในปีนี้บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากแนวราบประมาณ 2,000-2,300 ล้านบาท และคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น 3,000-4,000 ล้านบาทในปี 67 ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น มั่นคงและยั่งยืนต่อไป
บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์แนวโน้มการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2566 ว่า มีแนวโน้มที่จะเติบโต 5-15% ในขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มเติบโต 0-10% ขึ้นกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2566โดยการคาดการณ์ดังกล่าว LWS ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการเติบโตของเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ใน 3-Scenarios ได้แก่
กรณีที่ดีที่สุด(Best Case) :เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตไม่น้อยกว่า 2.9% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนคลี่คลายซึ่งจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่น้อยกว่า 4.2% และอัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 3% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 118,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 543,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15% และอัตราการโอนกรรมสิทธิจะมีแนวโน้มเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2565
กรณีปกติ(Base Case):เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตประมาณ 2% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง ซึ่งจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่น้อยกว่า 3.5% และอัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 3% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 108,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 488,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% และอัตราการโอนกรรมสิทธิจะมีแนวโน้มเติบโตไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับปี 2565
กรณีที่แย่ที่สุด(Worst Case):เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโตน้อยกว่า 2% และสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อและรุนแรง ทำให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตน้อยกว่า 3% และอัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 5% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2566 ประมาณ 105,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 474,000 ล้านบาท หรือเติบโตน้อยกว่า 5% และอัตราการโอนกรรมสิทธิ์จะมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2565
แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง ส่งผลดีต่อธุรกิจบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) ที่ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยเพื่อจำหน่าย ทั้งประเภทโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ รวมทั้งธุรกิจร้านอาหาร และเครื่องดื่ม ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเทคโนโลยีของการพักอาศัย
โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” ระบุบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 66 ไว้ที่ประมาณ 6,000-6,600 ล้านบาท โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากโครงการแนวราบประมาณ 38% และโครงการแนวสูงประมาณ 62%
และบริษัทฯ มีแผนจะเปิดโครงการอสังหาฯ แนวราบใหม่ในปี 66 จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ SIAMESE KIN Ramintra , SIAMESE HOLM Phahol Vibhavadi , SIAMESE BLOSSOM Phahol Vibhavadi , MONSANE Ratchapruek-Chaeng Wattana และอีก 1 โครงการในอนาคต Housing (Phutthamonthon sai4) มูลค่ารวมประมาณ 11,225 ล้านบาท นอกจากนี้มีโครงการ Mixed Use จำนวน 2 โครงการได้แก่ Wellness & Healthcare @Talingchan Plot A และ Condominium @Talingchan Plot B อีกด้วย
ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ (Under Development) จำนวน 7 โครงการ มูลค่า 22,291 ล้านบาท และมี Backlog Forecast มูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 68
ขณะเดียวกันธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วยธุรกิจโรงแรม ธุรกิจให้เช่า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเทคโนโลยีของการพักอาศัย และธุรกิจการเงินและการลงทุน มีแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากอานิสงส์การกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
"เรามุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ และธุรกิจอื่นๆ อยู่เสมอเพื่อให้ SA เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร จากการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งที่มีอยู่แล้วและต่อยอดธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่เด่นชัด พร้อมกันนี้ในปี 2566 ได้ตั้งเป้ารายได้แตะ 6,000-6,600 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยมีสาเหตุหลักจากการขยายตัวของฐานรายได้โครงการแนวราบปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับธุรกิจอื่นๆ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อาทิ ธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากปีก่อน" นายขจรศิษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการวางกลยุทธ์ปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ส่งผลทำให้ในปีนี้บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากแนวราบประมาณ 2,000-2,300 ล้านบาท และคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น 3,000-4,000 ล้านบาทในปี 67 ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น มั่นคงและยั่งยืนต่อไป