อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง หนุนธุรกิจผลไม้แปรรูปที่ได้รับการยอมรับในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ดันรายได้ บริษัท เจริญอุตสาหกรรม (CH) ปีนี้โตไม่น้อยกว่า 10%
สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทาง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวว่า ไตรมาส 2/66 ตลาดในประเทศถือว่ายังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากประมาณการนักท่องเที่ยวผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยทั้งปีที่ประมาณ 200 ล้านคน/ครั้ง ล่าสุดครึ่งปี อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านคน/ครั้งแล้ว และคาดว่า ปลายปีนี้ไทยเที่ยวไทยจะเกินเป้ารายได้ตลาดในประเทศที่ 8.8 แสนล้านบาท
สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น ล่าสุดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย อยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านคน ดังนั้นจึงเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าที่ 25 ล้านคน ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันนั้น อาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะตลาดระยะใกล้ เช่น มาเลเซีย จีน และอินเดีย และตลาดระยะไกล เช่น รัสเซีย
ขณะเดียวกันประเทศไทยยังได้รับการจัดให้อยู่อันดับที่ 6 ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าอยู่และเหมาะให้ชาวต่างชาติมาทำงานมากที่สุดในโลก จาก 53 อันดับ ทั่วโลก จากรายงาน Expat Insider 2023 (https://cms.in-cdn.net/cdn/file/cms-media/public/2023-07/Expat-Insider-2023-Survey.pdf) ซึ่งจัดทำโดยเว็ปไซต์ InterNations ซึ่งมีเครือข่าย Expat เป็นสมาชิกกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก
ซึ่งไทยมีอันดับประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าอยู่และเหมาะให้ชาวต่างชาติมาทำงานมากที่สุดในโลกที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากในปี 2022 อยู่อันดับที่ 8 และในปี 2021 อยู่อันดับที่ 12
สำหรับเกณฑ์การจัดลำดับของ Expat Insider 2023 จะพิจารณาจาก 5 ดัชนีหลักครอบคลุมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย รัฐบาล ภาษา และชีวิตดิจิทัล ซึ่งไทยอยู่ในลำดับที่ค่อนข้างสูง คือ ดัชนีคุณภาพชีวิต (ลำดับที่ 37) ดัชนีความสะดวกสบายในการเข้าพัก (ลำดับที่ 11) ดัชนีการทำงานในต่างประเทศ (ลำดับที่ 39) ดัชนีการเงินส่วนบุคคล (ลำดับที่ 4) และ ดัชนีสิ่งที่จำเป็นสำหรับชาวต่างชาติ (ลำดับที่ 18)
ในรายงานยังระบุว่า ประเทศไทยมีระดับความสุขต่อการไปอยู่ไปทำงานของ Expat 86% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 72 % โดยหมวดของเกณฑ์วัดที่ไทยได้คะแนนดี ได้แก่ คุณภาพชีวิต และปัจจัยที่เอื้อต่อการย้ายไปทำงาน เช่น ค่าตอบแทน อีกทั้งยังเป็นสวรรค์ของ Expat ที่ชอบท่องเที่ยวพักผ่อน ขณะที่ค่าครองชีพก็มีความเหมาะสม นอกจากนี้ยังระบุว่า ชาวต่างชาติ 86% เห็นว่ารายได้ครัวเรือนเพียงพอต่อการอาศัยอยู่ในประเทศไทย ราคาบ้านถูก และชาวต่างชาติ 9 ใน 10 พึงพอใจกับอาหารไทยที่มีความหลากหลาย วัฒนธรรมไทยและชีวิตกลางคืนก็เป็นปัจจัยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบมากถึง 78% อีกด้วย
ความพึงพอใจของชาวต่างชาติต่อประเทศไทย สนับสนุนยอดขาย บริษัท เจริญอุตสาหกรรม (CH) ที่ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป ได้แก่ ผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารCH “ศักดา ศรีแสงนาม” เปิดเผยถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ คาดว่า จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออกผลิตภัณฑ์มะม่วงแปรรูป ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ผลผลิตมะม่วงออกสู่ตลาดในปริมาณมาก ประกอบกับความต้องการสินค้าของลูกค้าก็เพิ่มขึ้นทั้งฐานลูกค้าปัจจุบัน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และลูกค้าใหม่ที่ทยอยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปผลไม้อื่นเพิ่มเติม
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ คงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน จากแผนการขยายตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากตลาดส่งออกหลักไปยังประเทศในแถบสหรัฐอเมริกาและยุโรป ประกอบกับยังคงมุ่งมั่งพัฒนาและออกสินค้าใหม่ที่หลากหลายอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการขยายตลาดสินค้าของฝากของที่ระลึกให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวในประเทศอีกด้วย
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส2 จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสนับสนุนผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตสู่เป้าหมาย จากกลยุทธ์การขยายตลาดและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการเพิ่มสัดส่วนรับผลิตผลไม้อบแห้งภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (OEM)มากขึ้น รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์ออกบูธในงานแสดงสินค้า (Fair) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” นายศักดากล่าว
สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทาง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวว่า ไตรมาส 2/66 ตลาดในประเทศถือว่ายังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากประมาณการนักท่องเที่ยวผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยทั้งปีที่ประมาณ 200 ล้านคน/ครั้ง ล่าสุดครึ่งปี อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านคน/ครั้งแล้ว และคาดว่า ปลายปีนี้ไทยเที่ยวไทยจะเกินเป้ารายได้ตลาดในประเทศที่ 8.8 แสนล้านบาท
สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น ล่าสุดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย อยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านคน ดังนั้นจึงเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าที่ 25 ล้านคน ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันนั้น อาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะตลาดระยะใกล้ เช่น มาเลเซีย จีน และอินเดีย และตลาดระยะไกล เช่น รัสเซีย
ขณะเดียวกันประเทศไทยยังได้รับการจัดให้อยู่อันดับที่ 6 ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าอยู่และเหมาะให้ชาวต่างชาติมาทำงานมากที่สุดในโลก จาก 53 อันดับ ทั่วโลก จากรายงาน Expat Insider 2023 (https://cms.in-cdn.net/cdn/file/cms-media/public/2023-07/Expat-Insider-2023-Survey.pdf) ซึ่งจัดทำโดยเว็ปไซต์ InterNations ซึ่งมีเครือข่าย Expat เป็นสมาชิกกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก
ซึ่งไทยมีอันดับประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าอยู่และเหมาะให้ชาวต่างชาติมาทำงานมากที่สุดในโลกที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากในปี 2022 อยู่อันดับที่ 8 และในปี 2021 อยู่อันดับที่ 12
สำหรับเกณฑ์การจัดลำดับของ Expat Insider 2023 จะพิจารณาจาก 5 ดัชนีหลักครอบคลุมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย รัฐบาล ภาษา และชีวิตดิจิทัล ซึ่งไทยอยู่ในลำดับที่ค่อนข้างสูง คือ ดัชนีคุณภาพชีวิต (ลำดับที่ 37) ดัชนีความสะดวกสบายในการเข้าพัก (ลำดับที่ 11) ดัชนีการทำงานในต่างประเทศ (ลำดับที่ 39) ดัชนีการเงินส่วนบุคคล (ลำดับที่ 4) และ ดัชนีสิ่งที่จำเป็นสำหรับชาวต่างชาติ (ลำดับที่ 18)
ในรายงานยังระบุว่า ประเทศไทยมีระดับความสุขต่อการไปอยู่ไปทำงานของ Expat 86% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 72 % โดยหมวดของเกณฑ์วัดที่ไทยได้คะแนนดี ได้แก่ คุณภาพชีวิต และปัจจัยที่เอื้อต่อการย้ายไปทำงาน เช่น ค่าตอบแทน อีกทั้งยังเป็นสวรรค์ของ Expat ที่ชอบท่องเที่ยวพักผ่อน ขณะที่ค่าครองชีพก็มีความเหมาะสม นอกจากนี้ยังระบุว่า ชาวต่างชาติ 86% เห็นว่ารายได้ครัวเรือนเพียงพอต่อการอาศัยอยู่ในประเทศไทย ราคาบ้านถูก และชาวต่างชาติ 9 ใน 10 พึงพอใจกับอาหารไทยที่มีความหลากหลาย วัฒนธรรมไทยและชีวิตกลางคืนก็เป็นปัจจัยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบมากถึง 78% อีกด้วย
ความพึงพอใจของชาวต่างชาติต่อประเทศไทย สนับสนุนยอดขาย บริษัท เจริญอุตสาหกรรม (CH) ที่ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป ได้แก่ ผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารCH “ศักดา ศรีแสงนาม” เปิดเผยถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ คาดว่า จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออกผลิตภัณฑ์มะม่วงแปรรูป ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ผลผลิตมะม่วงออกสู่ตลาดในปริมาณมาก ประกอบกับความต้องการสินค้าของลูกค้าก็เพิ่มขึ้นทั้งฐานลูกค้าปัจจุบัน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และลูกค้าใหม่ที่ทยอยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปผลไม้อื่นเพิ่มเติม
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ คงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน จากแผนการขยายตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากตลาดส่งออกหลักไปยังประเทศในแถบสหรัฐอเมริกาและยุโรป ประกอบกับยังคงมุ่งมั่งพัฒนาและออกสินค้าใหม่ที่หลากหลายอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการขยายตลาดสินค้าของฝากของที่ระลึกให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวในประเทศอีกด้วย
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส2 จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสนับสนุนผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตสู่เป้าหมาย จากกลยุทธ์การขยายตลาดและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการเพิ่มสัดส่วนรับผลิตผลไม้อบแห้งภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (OEM)มากขึ้น รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์ออกบูธในงานแสดงสินค้า (Fair) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” นายศักดากล่าว