Smart Investment

2 กูรูหุ้นจัดทัพลงทุนตลาดหุ้นปี 66 รับสัญญาณศก.ฟื้น-เงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุด!


02 ธันวาคม 2565

Mr.Data

ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับเข้าสู่โหมดคึกคัก! หลัง “เจอโรม พาวเวล” ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญษณผ่านการกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา ตลาดแรงงานในวันที่ 30 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เฟด จะชะลอการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย ในเดือนธันวาคม เนื่องจาก ได้มีการปรับขึ้นมาถึงระดับ ที่มั่นใจว่า มีศักยภาพ เพียงพอที่จะสกัด อัตราเงินเฟ้อ ให้อ่อนแรงลงได้แล้ว

“การต่อสู้กับเงินเฟ้อยังคงไม่จบลงเร็ว ๆ นี้ และ ยังคงไม่สามารถตอบได้ว่า ในที่สุดแล้วอัตราดอกเบี้ย จะต้องสูงแค่ไหน และ นานเท่าไร อาจจะสูงกว่า 4.6% ซึ่งเป็นระดับที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนกันยายน” นายเจอโรมกล่าว

ทั้งนี้ จากคำกล่าว ของ พาวเวลล์ ทำให้นักวิเคราะห์ เชื่อว่า เฟด อาจขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.5% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะทำให้ ระดับดอกเบี้ย นโยบายของสหรัฐฯ ขึ้นไปอยู่ที่ 4.25 - 4.5% และ คาดว่า เฟด จะเริ่มลด อัตราดอกเบี้ย ลงในปีหน้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.00% เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที

โดยเหตุผลของการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป และช่วยลดทอนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนจากราคาพลังงานในประเทศเป็นสำคัญ แต่จะยังคงโน้มลดลงและกลับสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566 แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น และการปรับราคาพลังงานในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน

นอกจากนี้ กนง. ปรับลดประมาณการ GDP ปี 2565 และ 2566 ลงเล็กน้อย เป็น 3.2% (เดิม3.3%) และ 3.7% (เดิม 3.8%) ตามลำดับ และปี 2567 คาดโต 3.9% แรงส่งหลักยังเป็นเรื่องของภาคการท่องเที่ยว และ การบริโภคภาคเอกชน โดยมีความสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบมากกว่าคาด

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยบทวิเคราะห์โดยมองว่า ผลประชุม กนง. และคาดการณ์เศรษฐกิจที่ออกมา ยังสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะได้ได้แรงหนุนการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นหลัก

ในเชิงของกลยุทธ์การลงทุน ยังประเมินหุ้นกลุ่ม Domestic play ดูดีกว่า Global play เช่น ธนาคาร, ค้าปลีก, โรงไฟฟ้า, การแพทย์, อสังหาฯ เป็นต้น

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด แนะนำกลยุทธ์ลงทุนตลาดหุ้นไทยเดือนธันวาคม 2565 โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นเด่นกว่าหลายประเทศ อ้างอิงจาก IMF ที่คาดการณ์ GDP Growth ปีหน้าโต 3.7% YoY ซึ่งสูงกว่าเศรษฐกิจโลกที่โตเพียง 2.7%YoY

ขณะที่สัญญาณเงินเฟ้อของไทยมี แนวโน้มปรับตัวลงมาสักระยะ ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ คงน้ำหนักหุ้นไทยไว้ที่ 35% ของพอร์ตการลงทุน (Overweight)

กลยุทธ์ทยอยสะสมหุ้น Domestic Consumption เด่น คือ COM7, MTC, TISCO, BEC และหุ้นผันผวนต่ำ ธุรกิจสดใสอย่าง SCGP, GULF

สัญญาณการลงทุนตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปี กลับมาคึกคักอีกครั้ง! จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่คาดว่าจะไม่พุ่งแรง ตามที่หลายฝ่ายมีความกังวล จากแนวโน้มเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ผนวกกับแนวโน้มในช่วงปลายปีจะมีเม็ดเงินจากกองทุนประหยัดภาษี SFS และ RMF ที่ไหลเข้ามาในช่วงปลายปี ยังไม่นับรวม Window Dressing ของบรรดานักลงทุนสถาบัน รวมไปถึง Christmas Rally ที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยได้สิทธิ์ไปต่อ...