ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดยอดขายธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท เติบโต 1.8% (YoY) ชะลอลงจากปีก่อน ขณะที่SMEs ที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้างเผชิญการแข่งขันรุนแรงขึ้น ภายใต้กำลังซื้อที่จำกัดและการรุกตลาดของผู้เล่นรายใหญ่
![กสิกรไทยคาดยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/020823/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87.jpg)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ยอดขายรวมของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท เติบโตที่ 1.8% (YoY) ชะลอลงจากปีก่อน จากราคาสินค้าหลักอย่างเหล็กมีแนวโน้มลดลง และความต้องการใช้ที่อาจไม่เติบโตมากนัก สอดคล้องกับมูลค่าการลงทุนก่อสร้างที่เติบโตต่ำ แต่ยังต้องติดตามทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลและแนวนโยบายที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนโดยรวม
แต่สำหรับการแข่งขันของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในปี 2566 เข้มข้นขึ้น เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดที่ยังเติบโตได้จำกัด โดยเฉพาะกำลังซื้อของเศรษฐกิจฐานรากในภาคเกษตรกรรม ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญต่อเนื่องจนถึงปีหน้า ประกอบกับการขยายสาขาของผู้เล่น Modern Trade รายใหญ่ จะส่งผลให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีสายป่านสั้นกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ และมีศักยภาพในการปรับตัวน้อยกว่า ต้องเผชิญกับทั้งการแข่งขันด้านราคา การบริหารจัดการต้นทุนที่ยังยืนสูง ซึ่งอาจทำให้ SMEs มีความสามารถในการทำกำไรลดลงและสูญเสียความสามารถการแข่งขันในระยะยาว
ดังนั้นมองไปข้างหน้า ธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างยังมีโจทย์ท้าทายเฉพาะหน้าเรื่องต้นทุนสินค้าและถึงต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น อีกทั้งธุรกิจยังมีความท้าทายในระยะยาวตามเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมและด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะนำไปสู่ต้นทุนในการปรับตัวของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้ในอนาคต
![กสิกรไทยคาดยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/020823/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87.jpg)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ยอดขายรวมของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท เติบโตที่ 1.8% (YoY) ชะลอลงจากปีก่อน จากราคาสินค้าหลักอย่างเหล็กมีแนวโน้มลดลง และความต้องการใช้ที่อาจไม่เติบโตมากนัก สอดคล้องกับมูลค่าการลงทุนก่อสร้างที่เติบโตต่ำ แต่ยังต้องติดตามทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลและแนวนโยบายที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนโดยรวม
แต่สำหรับการแข่งขันของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในปี 2566 เข้มข้นขึ้น เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดที่ยังเติบโตได้จำกัด โดยเฉพาะกำลังซื้อของเศรษฐกิจฐานรากในภาคเกษตรกรรม ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญต่อเนื่องจนถึงปีหน้า ประกอบกับการขยายสาขาของผู้เล่น Modern Trade รายใหญ่ จะส่งผลให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีสายป่านสั้นกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ และมีศักยภาพในการปรับตัวน้อยกว่า ต้องเผชิญกับทั้งการแข่งขันด้านราคา การบริหารจัดการต้นทุนที่ยังยืนสูง ซึ่งอาจทำให้ SMEs มีความสามารถในการทำกำไรลดลงและสูญเสียความสามารถการแข่งขันในระยะยาว
ดังนั้นมองไปข้างหน้า ธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างยังมีโจทย์ท้าทายเฉพาะหน้าเรื่องต้นทุนสินค้าและถึงต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น อีกทั้งธุรกิจยังมีความท้าทายในระยะยาวตามเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมและด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะนำไปสู่ต้นทุนในการปรับตัวของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้ในอนาคต