จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : อาชญากรรมออนไลน์พุ่ง หนุน cyber security บมจ. ITNS โตแกร่ง
02 สิงหาคม 2566
ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เติบโตและสร้างความเสียหายกับประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาล ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หวังแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทำให้ธุรกิจ Cyber Security มีความจำเป็นมากขึ้น หนุนผลงาน บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS)
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือ เพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง และเด็ดขาด และหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพอย่างเข้มข้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการผลักดันพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เพิ่มอำนาจการยับยั้งธุรกรรมที่อาจเป็นการหลอกลวงประชาชนได้ทันท่วงทีให้กับธนาคาร จากเดิมประชาชนที่โดนหลอกให้โอนเงินต้องไปแจ้งความกับตำรวจก่อนจึงแจ้งมายังธนาคารให้ดำเนินการอายัดบัญชี
แต่ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวทำให้ธนาคารสามารถยับยั้งธุรกรรมได้ภายใน 72 ชั่วโมงสามารถลดการสูญเสียทรัพย์สินได้มาก จากปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สถิติการแจ้งความร้องเรียนอยู่ที่ 600 รายการต่อวัน ลดลงจากวันละ 800 รายการ นับตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ สำหรับเรื่องร้องเรียนและคดีความเฉลี่ย 600 รายการต่อวันนั้น แบ่งเป็น 2 ประเภท 1.การหลอกให้โอนเงินในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์หลอกลวง ส่งข้อความฝังลิงก์สแกม หรือแฮกโทรศัพท์ และ 2.การขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซที่ไม่ตรงปก
อย่างไรก็ตาม ระบบการระงับธุรกรรมของธนาคารปัจจุบันยังใช้แบบ manual โดยประชาชนที่ถูกหลอกลวงแจ้งไปยังธนาคารต้นทาง และธนาคารต้นทางแจ้งต่อธนาคารที่รับโอนเป็นทอด ๆ กรณีมิจฉาชีพวางแผนมาอย่างดีเพียง 1 นาทีอาจโอนออกไปได้หลายบัญชีทำให้อาจระงับไม่ทันนั้น เรื่องนี้ สมาคมธนาคาร และธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังพัฒนาแพลตฟอร์ม รองรับการทำธุรกรรมผ่านธนาคารที่มีความปลอดภัยสูง และป้องกันการหลอกลวงผ่านออนไลน์ ที่เรียกว่า central fraud registry ซึ่งถ้าระบบดังกล่าวแล้วเสร็จจะสามารถตรวจจับธุรกรรมผิดปกติได้ทั้งระบบโดยไม่ต้องแจ้งเป็นทอด ๆ เช่น การโอนเงินต่อเนื่องหลายบัญชี โอนไปในบัญชีเสี่ยง บัญชีม้า เหล่านี้จะถูกตรวจสอบทั้งระบบโดยอัตโนมัติ ทำให้ยอดการแจ้งความร้องเรียนอาชญากรรมออนไลน์ลดลงได้อีก
ซึ่งสอดคล้องกับการทำธุรกิจของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม จำกัด (มหาชน) (ITNS) “สมชาย อ่วมกระทุ่ม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายฐานรายได้จากธุรกิจ System Integrator และธุรกิจ Maintenance จากทั้งฐานลูกค้าเก่าและใหม่ เนื่องจากแต่ละองค์กรจำเป็นต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงระบบ IT เป็นประจำสม่ำเสมอ ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และขยายธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ พร้อมกับอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลการลงทุนในกิจการที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ ที่สามารถช่วยส่งเสริมการขยายฐานตลาดของบริษัทฯ
จึงเชื่อมั่นว่าในทุกกลุ่มธุรกิจจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปีก่อน จากการขยายตัวของโครงการทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ อีกทั้งงานให้เช่าจะเติบโตโดดเด่นที่สุดเนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมทางด้านเงินทุนจะที่ขยายขยายธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นรายได้แบบประจำ (Recurring Income) และสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีข้อจำกัดทางการเงินและต้องการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีให้ทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องจากปีก่อน
ขณะที่ บล.ดาโอ ระบุว่า บริษัทยังคงประมาณการกำไรปี 2023E ที่ 64 ล้านบาท +16% YoY โดยกำไร 1H23 จะคิดเป็น 41% จากทั้งปี สำหรับ 2H23E จะดีขึ้นโดดเด่น โดยเฉพาะ 3Q23E ที่มีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จาก backlog มากขึ้น โดยเราประเมิน backlog ณ 30 มิ.ย.23 ที่ 433 ล้านบาท และยังมีงานที่รอเซ็นสัญญาอีกไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท (สูงขึ้นจาก 30 มี.ค.23 ที่มี backlog 423 ล้านบาท) รวมถึงอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานอีกกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่ม backlog ให้สูงขึ้น
ราคาหุ้น underperform SET -10% ใน 3 เดือน จากกำไร 1Q23 ที่ปรับตัวลง แต่กลับมา outperform SET +2% ใน 1 เดือน จากโครงการซื้อหุ้นคืน ช่วยหนุนราคาหุ้น ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” จากกำไร 2Q-3Q23E ที่จะกลับมาโดดเด่น และยังประเมินปี 2023E-24E จะเติบโตดี +18% CAGR นอกจากนั้น ITNS ยังอยู่ระหว่างศึกษาแผนขยายธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์, งาน cyber securityและ cloud service ที่จะมีความชัดเจนภายในปี 2023E ซึ่งจะเป็น upside ต่อกำไรได้ด้าน valuation ปัจจุบันน่าสนใจ เทรด 2023E PER ที่ 11.7 เท่า คิดเป็น -1.5SD จากค่าเฉลี่ยกลุ่ม