จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : HL ใช้กลยุทธ์ “ปรับราคา-เพิ่มสาขา” กระตุ้นรายได้-กำไรปี 66 โตแกร่ง


07 สิงหาคม 2566
บล.โกลเบล็ก เชื่อ บมจ.เฮลท์ลีด หรือHL ผ่านจุดต่ำสุด พร้อมเติบโตหลังปรับเตรียม “ปรับราคายา ออกผลิตภัณฑ์ใหม่และขยายสาขา” เน้นปริมณฑล สิ้นปี 66 แตะ 50 แห่ง แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 17.30 บาท

รายงานพิเศษ HL.jpg

บล.โกลเบล็ก คาดกำไร บมจ.เฮลท์ลีด หรือHL ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เนื่องจากมีการปรับราคาและขยายสาขาตั้งแต่ 2Q66   โดยในส่วนของรายได้น่าจะทรงตัวใกล้เคียง 1Q66 ที่ 385-395ล้านบาท  เนื่องจากรายได้จากการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะ ATK ลดลงแต่ถูกชดเชยด้วยการเปิดสาขาใหม่ใน 2Q66 อีก 2 สาขา เพิ่มเป็น  41 สาขา ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น ปรับตัวขึ้นจาก 21.5% ใน 1Q66 สู่ 23.4-23.7% จากการปรับราคาจำหน่ายยาหน้าร้านตั้งแต่เดือน มี.ค.66  และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะทรงตัวที่ 69.1  ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทรายงานกำไร 1Q66 ที่ 12.8 ล้านบาท  -62%QoQ และ-58%YoY และ คิดเป็น 10% ของประมาณการปี 66

ขณะที่ผู้บริหารตั้งเป้าขยายสาขาใน 2H66 อีก 9 สาขา โดยผู้บริหารHL วางแผนขยายสาขาอีก 9 สาขาในครึ่งปี หลังจาก 41 สาขา ณ เดือนมิ.ย. 66   โดยจะเปิดสาขา 5 สาขาใน  3Q66  อีก4 สาขาใน 4Q66  ส่งผลให้ปลายปี66 จะมีสาขาทั้งสิ้น 50 สาขา  โดยเน้นการขยายสาขาไปยังปริมณฑล  นอกจากนี้ 4Q66 จะมีการออกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภายใต้แบรนด์ “BESUTO” เพิ่มขึ้นอีก 1-2  ผลิตภัณฑ์ ขณะที่ปี 67 บริษัทมีแผนเปิดสาขาอีก 20 สาขาสู่ 70 สาขาโดยเน้น ขยายสาขาไปยังจังหวัด ปทุมธานีและนนทบุรี 

ความเสี่ยงจาก Telepharmacy อยู่ในระดับต่ำ
ปัจจุบันสภาเภสัชกรรมอนุญาตให้สามารถทำ Telepharmacy  (คือการปรึกษากับเภสัชกรผ่านทางออนไลน์และไปรับยาที่ร้านขายยา)ได้ แต่ต้องเป็นการปรึกษากับเภสัชกรที่ทำงานในร้านขายยาโดยยังไม่อนุญาตให้ปรึกษากับเภสัชกรจากส่วนกลางแล้วรับยาที่ร้านขายยาในสาขาใกล้บ้าน ทำให้ Moderntrade  ขนาดใหญ่ที่มี ร้านขายยายังไม่สามารถเปิดให้บริการดังกล่าวได้  เนื่องจากไม่มีเภสัชกรประจำในแต่ละสาขา ทั้งนั้นผ่ายวิจัยจึงประเมินว่าความเสี่ยงจาก Telepharmacy   อยู่ในระดับต่ำ 

คาดกำไรปี66 อยู่ที่ 125 ลบ. เติบโต 6%YoY 

ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ด้วยว่า รายได้และกำไรปี 66 จะอยู่ที่ราว 1.72 พันล้านบาท และ 125 ล้านบาท  เติบโต 13%YoY และ 6%YoY ตามลำดับ  แม้ว่ากำไร 1Q66  จะคิดเป็นเพียง 10% ของประมาณการ  โดยเราคาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ 2Q66 จากการปรับขึ้นราคาจำหน่ายยาและ 2H66 ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง จากการเปิดสาขาเพิ่มอีก 9 สาขา แตะที่ 50 สาขา  และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปี 66 จะเพิ่มขึ้นสู่ 24% จากการปรับขึ้นราคาจำหน่ายยาราว 1-3% ตั้งแต่ มี.ค.66 และการเพิ่มสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์

ซึ่งมี GPM สูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นจาก 1Q66 ที่ 21.5% ให้กลับมาสู่ 24% ในปี 66 (GPM ปี 65 อยู่ที่ 24.8%) และคาดว่า สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะลดลงจากปี 65 ที่ 16.4% สู่15.2% เนื่องจากรายได้เติบโตเร็วกว่าค่าใช้จ่ายและคาดว่ารายได้และกำไรปี67 อยู่ที่ราว 2.1 พันล้านบาท และ 158 ล้านบาท  เติบโต 22% และ 26% ตามลำดับ  โดยได้แรงหนุนจากแผนการเปิดสาขาอีก 20 สาขา  สู่70 สาขา

เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 17.30 บาท 

ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Prospective P/E Ratio โดยใช้ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมปรับลด ด้วย1 S.D. อยู่ที่ 37.5 เท่า เนื่องจากผลประกอบการเปลี่ยนจากช่วงเติบโตเร็วเป็นทรงตัว (P/E Ratio ตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาด mai อยู่ที่ 53.5เท่าซึ่งอยูในช่วงผลประกอบการเติบโตเร็ว) ทั้งนี้เราคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS)  สำหรับปี 2566 ที่ 0.46 บาทต่อหุ้นได้ ราคาเหมาะสม 17.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาที่ประเมินได้สูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ”
HL