จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : PRM ผลงานพุ่งต่อเนื่องอานิสงส์ “ท่องเที่ยว-เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการซื้อเรือ”
09 สิงหาคม 2566
บมจ. พริมา มารีน (PRM) มั่นใจธุรกิจปีนี้โตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวแข็งแกร่ง และเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนซื้อเรือในช่วงที่ผ่านมา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งสัปดาห์ (31 ก.ค.-6 ส.ค. 66) มีจำนวนทั้งสิ้น 573,246 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 81,893 คน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 15,895,421 คน เติบโต 363% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 663,862 ล้านบาท
การท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง กระตุ้นการใช้พลังงานในประเทศให้ขยายตัวตามไปด้วย นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ. พริมา มารีน (PRM) ระบุว่า แผนธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายตัวใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ เรือขนส่งปิโตรเคมี เพราะยังมีมุมมองในเรื่องความต้องการใช้เรือขนส่งปิโตรเคมี จะยังไม่ถูก Disruption จากการเข้ามาของรถ EV และการขนส่งปิโตรเคมียังมีแนวโน้มที่ดีจากการขยายกำลังการผลิตของกลุ่มโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในครึ่งปีหลังบริษัทมองแผนการลงทุนซื้อเรือขนส่งปิโตรเคมีเพิ่มเติม อีกอย่างน้อย 1-2 ลำ
ขณะที่เรือกลุ่ม Offshore Support เพราะยังมีมุมมองเรื่องความต้องการใช้เรือในกลุ่มนี้ยังมีอีกมาก เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของผู้ได้รับสัมปทานการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทย โดยนอกเหนือจากเรือ Crew Boat จำนวน 2 ลำที่บริษัทได้สั่งต่อไปแล้ว บริษัทฯยังมองถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนเรือในกลุ่มนี้เพิ่มเติม เช่นเดียวกับที่เคยทำได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 (ขณะนั้นบริษัทฯมีเรือที่ได้สัญญาระยะสั้นเพิ่มเติมนอกเหนือจากสัญญาเดิม)
"มุมมองธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงจากครึ่งปีแรก โดยในปีนี้ การเติบโตคือการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนเมื่อปี 2564-2565 จากการที่เรือ VLCC ที่เริ่มเข้างานในปี 2565 จะทำงานเต็มปี เรือขนส่งน้ำมันในประเทศจะมีโอกาสขยายตัวเมื่อเทียบกับปี 2564-2565 จากการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังการเปิดประเทศ การได้รับสัญญาใหม่ของเรือ Accommodation Work Barge (AWB) การที่เรือขนส่งปิโตรเคมีขนาด 11,000 DWT ที่ซื้อเพิ่มเติมในไตรมาส 1/2566 จะเข้างานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป"
ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2566 คาดดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างชัดเจน เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ มีเรือ VLCC ทำงานเพียง 2 ลำ โดย 1 ลำทำงาน 4 เดือน อีก 1 ลำ ทำงานแค่ 1 เดือน แต่ในครึ่งปีแรกของปีนี้ เรือ VLCC มีเรือทั้งสิ้น 3 ลำ และทั้งหมดทำงานเต็ม 100%
ขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ มีการขยายตัวมากขึ้นจากการเปิดประเทศและการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน ภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลง ส่วนธุรกิจเรือ Offshore Support ที่เรือ Crew Boat ในกลุ่มนี้มีสัญญาครบทุกลำ ในขณะที่ปีก่อนกลุ่มเรือ Crew Boat ได้สัญญาระยะยาวในเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา จากปัจจัยข้างต้นทำให้บริษัทฯ ยังคงมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนตามเป้าหมาย
ด้านบล.ฟิลลิป คาด 2Q66 PRM มีกำไร +139.8% y-y, -17.5% q-q ที่ 476 ลบ.: กำไรที่ดีขึ้น y-y มาจากรับเรือขนาดใหญ่และเรือทำงานได้เต็มไตรมาส และคาดการณ์รายได้+21.4% y-y ที่ 2,068 ลบ. จากขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศปี ก่อนรับเรือ VLCC 2 ลำเริ่มงาน 5 มิ.ย. และ 9 ก.ย. 65 เรือ Aframax ได้ค่าระวางเพิ่ม,ขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการใช้น้ำมันในประเทศที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ Jet-A1 และ FSU อัตราการใช้งานเพิ่มขึ้น
ส่วนต้นทุนลดลงตามราคาน้ำมัน และขาดทุน Fx ลดลงเหลือ 18 ลบ. และได้มีการชำระคืนเงินกู้เหลือ 24 ล้านดอลลาร์จาก 34 ล้านดอลลาร์ ใน 1Q66 ส่วน q-q กำไรที่ลดลง จากเรือเข้า dry dock ของ FSU 1 ลำ และคืนเรือ ABW หลังหมดสัญญาเช่า ในขณะที่ธุรกิจอื่นทรงตัวหรือโตไม่มาก แม้จะมีการรับเรือเพิ่ม 1 ลำ เมื่อรวมขาดทุน Fx จาก 1Q66 มีกำไร Fx ที่ 22 ลบ.
2H66 คาดกำไรปกติยังมีแนวโน้มดี: 2H66 คาดกำไรปกติยังดีขึ้น y-y จากเรือที่เข้าระหว่างปี65 และเรือรับใหม่ 1Q66 ทำงานได้เต็มครึ่งหลัง และ 4Q66 เป็น high season ของท่องเที่ยว ปริมาณการขนส่งน้ำมันจะเพิ่มขึ้นและอยู่ระหว่างหาซื้อเรือ 1-2 ลำ แต่เรือ Aframax จะเข้าอู่ ใน 4Q66
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งสัปดาห์ (31 ก.ค.-6 ส.ค. 66) มีจำนวนทั้งสิ้น 573,246 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 81,893 คน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 15,895,421 คน เติบโต 363% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 663,862 ล้านบาท
การท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง กระตุ้นการใช้พลังงานในประเทศให้ขยายตัวตามไปด้วย นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ. พริมา มารีน (PRM) ระบุว่า แผนธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายตัวใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ เรือขนส่งปิโตรเคมี เพราะยังมีมุมมองในเรื่องความต้องการใช้เรือขนส่งปิโตรเคมี จะยังไม่ถูก Disruption จากการเข้ามาของรถ EV และการขนส่งปิโตรเคมียังมีแนวโน้มที่ดีจากการขยายกำลังการผลิตของกลุ่มโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในครึ่งปีหลังบริษัทมองแผนการลงทุนซื้อเรือขนส่งปิโตรเคมีเพิ่มเติม อีกอย่างน้อย 1-2 ลำ
ขณะที่เรือกลุ่ม Offshore Support เพราะยังมีมุมมองเรื่องความต้องการใช้เรือในกลุ่มนี้ยังมีอีกมาก เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของผู้ได้รับสัมปทานการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทย โดยนอกเหนือจากเรือ Crew Boat จำนวน 2 ลำที่บริษัทได้สั่งต่อไปแล้ว บริษัทฯยังมองถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนเรือในกลุ่มนี้เพิ่มเติม เช่นเดียวกับที่เคยทำได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 (ขณะนั้นบริษัทฯมีเรือที่ได้สัญญาระยะสั้นเพิ่มเติมนอกเหนือจากสัญญาเดิม)
"มุมมองธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงจากครึ่งปีแรก โดยในปีนี้ การเติบโตคือการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนเมื่อปี 2564-2565 จากการที่เรือ VLCC ที่เริ่มเข้างานในปี 2565 จะทำงานเต็มปี เรือขนส่งน้ำมันในประเทศจะมีโอกาสขยายตัวเมื่อเทียบกับปี 2564-2565 จากการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังการเปิดประเทศ การได้รับสัญญาใหม่ของเรือ Accommodation Work Barge (AWB) การที่เรือขนส่งปิโตรเคมีขนาด 11,000 DWT ที่ซื้อเพิ่มเติมในไตรมาส 1/2566 จะเข้างานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป"
ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2566 คาดดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างชัดเจน เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ มีเรือ VLCC ทำงานเพียง 2 ลำ โดย 1 ลำทำงาน 4 เดือน อีก 1 ลำ ทำงานแค่ 1 เดือน แต่ในครึ่งปีแรกของปีนี้ เรือ VLCC มีเรือทั้งสิ้น 3 ลำ และทั้งหมดทำงานเต็ม 100%
ขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ มีการขยายตัวมากขึ้นจากการเปิดประเทศและการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน ภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลง ส่วนธุรกิจเรือ Offshore Support ที่เรือ Crew Boat ในกลุ่มนี้มีสัญญาครบทุกลำ ในขณะที่ปีก่อนกลุ่มเรือ Crew Boat ได้สัญญาระยะยาวในเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา จากปัจจัยข้างต้นทำให้บริษัทฯ ยังคงมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนตามเป้าหมาย
ด้านบล.ฟิลลิป คาด 2Q66 PRM มีกำไร +139.8% y-y, -17.5% q-q ที่ 476 ลบ.: กำไรที่ดีขึ้น y-y มาจากรับเรือขนาดใหญ่และเรือทำงานได้เต็มไตรมาส และคาดการณ์รายได้+21.4% y-y ที่ 2,068 ลบ. จากขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศปี ก่อนรับเรือ VLCC 2 ลำเริ่มงาน 5 มิ.ย. และ 9 ก.ย. 65 เรือ Aframax ได้ค่าระวางเพิ่ม,ขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการใช้น้ำมันในประเทศที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ Jet-A1 และ FSU อัตราการใช้งานเพิ่มขึ้น
ส่วนต้นทุนลดลงตามราคาน้ำมัน และขาดทุน Fx ลดลงเหลือ 18 ลบ. และได้มีการชำระคืนเงินกู้เหลือ 24 ล้านดอลลาร์จาก 34 ล้านดอลลาร์ ใน 1Q66 ส่วน q-q กำไรที่ลดลง จากเรือเข้า dry dock ของ FSU 1 ลำ และคืนเรือ ABW หลังหมดสัญญาเช่า ในขณะที่ธุรกิจอื่นทรงตัวหรือโตไม่มาก แม้จะมีการรับเรือเพิ่ม 1 ลำ เมื่อรวมขาดทุน Fx จาก 1Q66 มีกำไร Fx ที่ 22 ลบ.
2H66 คาดกำไรปกติยังมีแนวโน้มดี: 2H66 คาดกำไรปกติยังดีขึ้น y-y จากเรือที่เข้าระหว่างปี65 และเรือรับใหม่ 1Q66 ทำงานได้เต็มครึ่งหลัง และ 4Q66 เป็น high season ของท่องเที่ยว ปริมาณการขนส่งน้ำมันจะเพิ่มขึ้นและอยู่ระหว่างหาซื้อเรือ 1-2 ลำ แต่เรือ Aframax จะเข้าอู่ ใน 4Q66