จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : MENA เริ่มรับรู้กำไรจาก JV ดันรายได้ปี66 โตไม่ต่ำกว่า15%
10 สิงหาคม 2566
บมจ. มีนาทรานสปอร์ต (MENA) เติบโตต่อเนื่อง หลังเริ่มรับรู้กำไรจากบริษัท ทีดีเอ็ม ลอจิสติกส์ (TDM) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมั่นใจดันรายได้ปี 66 โตไม่ต่ำกว่า 15%
บล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้น บมจ. มีนาทรานสปอร์ต (MENA) โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2024F ที่ 2.76 บาท เนื่องจากบริษัทจะเริ่มต้นรับรู้รายได้จาก JV พร้อมกับการขยาย Fleet คาดกำไรสุทธิ 2Q23F ที่ 15 ล้านบาท เติบโต 37% YoY ตามอุตสาหกรรมและการขยาย Fleet ในธุรกิจ Mixer แต่ทรงตัว QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดเยอะและอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง เนื่องจากมี Pre-operating expense บางส่วนเกิดขึ้นก่อนการขยาย Fleet
ในขณะที่ปัจจุบันขยาย Fleet Mixer ไปแล้วกว่า 64 คัน YTD และทุกคันมีลูกค้ารองรับ โดยเฉพาะ CPAC ที่มีการป้อนงานเข้ามามาก ในขณะที่การเติบโตของ TDM ยังเป็นไปตามแผนหลังจากที่ MENA เข้าไปเป็นผู้บริหาร Fleet สามารถเพิ่มประสิทธิภาพจากการปรับนโยบายต่างๆให้ดีขึ้นได้
คาดกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท เติบโต 37% YoY แต่ทรงตัว QoQ
รายได้คาดอยู่ที่ 190 ล้านบาท เติบโต 13% YoY จากการขยาย Fleet รถ Mixer เพิ่มเป็น 516 คัน (จาก 470 คันใน 2Q22 และ 478 คันใน 1Q23) แต่ลดลง 2% QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่มีวันทำงานลดลง (วันหยุดสงกรานต์และเลือกตั้ง) ผนวกกับการโอนรถ Trailer 58 คันไปอยู่ภายใน TDM ทำให้รายได้ธุรกิจ Trailer ลดลง ขณะที่เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.2% ปรับเพิ่มขึ้น 80bps YoY ตามการขยายตัวของธุรกิจ Mixer ที่มีอัตรากำไรสูงกว่า แต่ ลดลง 110bps QoQ เนื่องจากค่าเสื่อมและพนักงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงการรับรถ 38 คันก่อนที่จะเริ่มรับรู้รายได้เล็กน้อยราว 2 สัปดาห์ ส่วนในด้านการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก TDM คาดจะอยู่ที่ราว 2 ล้านบาท EBIT จะอยู่ที่ 21 ล้านบาท (+50% YoY, -2% QoQ)
ผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H23F
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตทั้งจากธุรกิจหลักและ TDM โดยคาดการขยาย Fleet ของธุรกิจ Mixer บวกกับความสามารถในการรักษา Market Share ที่ราว 10% จะช่วยให้ฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมได้ต่อเนื่อง ส่วน TDM จะมีแผนขยาย Fleet เพิ่มอีกราว 30 คันในช่วงปลายปี และจะรักษาสัดส่วนระหว่าง Own Fleet: Outsource ไว้ที่ราว 35:65 โดยปัจจุบันได้ให้บริการกับสาขา CJ เต็มรูปแบบและในช่วงต้นปี 2024 จะขยายงานไปยังส่วนของร้านถูกดีเพิ่มเติมและยังมีโอกาสต่อยอดไปสู่การให้บริการ CBG (รูปแบบงานประมูล),เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มคุณเสถียรและธุรกิจ Cross Boarder ในระยะถัดไป
คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.76 บาท
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2024F ที่ 2.76 บาท โดยใช้ P/E ที่ 21.1 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของกลุ่ม Logistics ขนาดเล็กในช่วงปี 2015-2022 ความเสี่ยงได้แก่ ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น, การขยายงานของ TDM ไม่เป็นไปตามแผนและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์หดตัว
ซึ่งสอดคล้องกับมุมมอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ที่ระบุว่า ต้นไตรมาส 3/66 บริษัทจะเริ่มขยายการให้บริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคแก่กลุ่มค้าปลีก ซีเจ มอร์ , ร้านค้าถูกดี มีมาตรฐาน รวมถึงสินค้าในเครือ บมจ.คาราบาว กรุ๊ป (CBG) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ทีดีเอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM)
โดยปัจจุบัน บริษัทมีกองรถในเครือ TDM แล้ว 178 คัน และในอนาคตอาจจะขยายบริการไปสู่การขนส่งสินค้าข้ามแดน คาดการณ์รายได้ในปีแรกของ TDM ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่ง MENA จะได้ส่วนแบ่งรายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้น 35% ส่งผลให้ในปี 66 รายได้ของบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 15%
ส่วนบริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) ในปี 66 บริษัทยังคงตั้งเป้าขยายกองรถอีก 100 คัน โดยครึ่งปีแรกบริษัทส่งรถเข้าทำงานแล้ว 73 คัน และไตรมาส 3/66 มีแผนที่จะส่งมอบรถเพิ่ม 22 คัน อีกทั้งมีแผนที่จะเพิ่มรถขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิประมาณ 5-10 คัน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 3/66 อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีการปรับขยายฝูงรถเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4/66
นอกจากนี้ บริษัทได้ส่งมอบรถมิกเซอร์ หรือรถโม่ผสมคอนกรีต ให้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด หรือแบรนด์ "ซีแพค (CPAC)" และ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด หรือแบรนด์ "บัวคอนกรีต (BUA Concrete)" ถือเป็นการเสริมทัพความพร้อมด้านกองยานยนต์ให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ผลิตคอนกรีต เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนทยอยส่งมอบรถมิกเซอร์ที่เหลืออีกกว่า 40 คันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/66
บล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้น บมจ. มีนาทรานสปอร์ต (MENA) โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2024F ที่ 2.76 บาท เนื่องจากบริษัทจะเริ่มต้นรับรู้รายได้จาก JV พร้อมกับการขยาย Fleet คาดกำไรสุทธิ 2Q23F ที่ 15 ล้านบาท เติบโต 37% YoY ตามอุตสาหกรรมและการขยาย Fleet ในธุรกิจ Mixer แต่ทรงตัว QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดเยอะและอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง เนื่องจากมี Pre-operating expense บางส่วนเกิดขึ้นก่อนการขยาย Fleet
ในขณะที่ปัจจุบันขยาย Fleet Mixer ไปแล้วกว่า 64 คัน YTD และทุกคันมีลูกค้ารองรับ โดยเฉพาะ CPAC ที่มีการป้อนงานเข้ามามาก ในขณะที่การเติบโตของ TDM ยังเป็นไปตามแผนหลังจากที่ MENA เข้าไปเป็นผู้บริหาร Fleet สามารถเพิ่มประสิทธิภาพจากการปรับนโยบายต่างๆให้ดีขึ้นได้
คาดกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท เติบโต 37% YoY แต่ทรงตัว QoQ
รายได้คาดอยู่ที่ 190 ล้านบาท เติบโต 13% YoY จากการขยาย Fleet รถ Mixer เพิ่มเป็น 516 คัน (จาก 470 คันใน 2Q22 และ 478 คันใน 1Q23) แต่ลดลง 2% QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่มีวันทำงานลดลง (วันหยุดสงกรานต์และเลือกตั้ง) ผนวกกับการโอนรถ Trailer 58 คันไปอยู่ภายใน TDM ทำให้รายได้ธุรกิจ Trailer ลดลง ขณะที่เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.2% ปรับเพิ่มขึ้น 80bps YoY ตามการขยายตัวของธุรกิจ Mixer ที่มีอัตรากำไรสูงกว่า แต่ ลดลง 110bps QoQ เนื่องจากค่าเสื่อมและพนักงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงการรับรถ 38 คันก่อนที่จะเริ่มรับรู้รายได้เล็กน้อยราว 2 สัปดาห์ ส่วนในด้านการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก TDM คาดจะอยู่ที่ราว 2 ล้านบาท EBIT จะอยู่ที่ 21 ล้านบาท (+50% YoY, -2% QoQ)
ผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H23F
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตทั้งจากธุรกิจหลักและ TDM โดยคาดการขยาย Fleet ของธุรกิจ Mixer บวกกับความสามารถในการรักษา Market Share ที่ราว 10% จะช่วยให้ฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมได้ต่อเนื่อง ส่วน TDM จะมีแผนขยาย Fleet เพิ่มอีกราว 30 คันในช่วงปลายปี และจะรักษาสัดส่วนระหว่าง Own Fleet: Outsource ไว้ที่ราว 35:65 โดยปัจจุบันได้ให้บริการกับสาขา CJ เต็มรูปแบบและในช่วงต้นปี 2024 จะขยายงานไปยังส่วนของร้านถูกดีเพิ่มเติมและยังมีโอกาสต่อยอดไปสู่การให้บริการ CBG (รูปแบบงานประมูล),เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มคุณเสถียรและธุรกิจ Cross Boarder ในระยะถัดไป
คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.76 บาท
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2024F ที่ 2.76 บาท โดยใช้ P/E ที่ 21.1 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของกลุ่ม Logistics ขนาดเล็กในช่วงปี 2015-2022 ความเสี่ยงได้แก่ ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น, การขยายงานของ TDM ไม่เป็นไปตามแผนและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์หดตัว
ซึ่งสอดคล้องกับมุมมอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ที่ระบุว่า ต้นไตรมาส 3/66 บริษัทจะเริ่มขยายการให้บริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคแก่กลุ่มค้าปลีก ซีเจ มอร์ , ร้านค้าถูกดี มีมาตรฐาน รวมถึงสินค้าในเครือ บมจ.คาราบาว กรุ๊ป (CBG) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ทีดีเอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM)
โดยปัจจุบัน บริษัทมีกองรถในเครือ TDM แล้ว 178 คัน และในอนาคตอาจจะขยายบริการไปสู่การขนส่งสินค้าข้ามแดน คาดการณ์รายได้ในปีแรกของ TDM ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่ง MENA จะได้ส่วนแบ่งรายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้น 35% ส่งผลให้ในปี 66 รายได้ของบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 15%
ส่วนบริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) ในปี 66 บริษัทยังคงตั้งเป้าขยายกองรถอีก 100 คัน โดยครึ่งปีแรกบริษัทส่งรถเข้าทำงานแล้ว 73 คัน และไตรมาส 3/66 มีแผนที่จะส่งมอบรถเพิ่ม 22 คัน อีกทั้งมีแผนที่จะเพิ่มรถขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิประมาณ 5-10 คัน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 3/66 อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีการปรับขยายฝูงรถเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4/66
นอกจากนี้ บริษัทได้ส่งมอบรถมิกเซอร์ หรือรถโม่ผสมคอนกรีต ให้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด หรือแบรนด์ "ซีแพค (CPAC)" และ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด หรือแบรนด์ "บัวคอนกรีต (BUA Concrete)" ถือเป็นการเสริมทัพความพร้อมด้านกองยานยนต์ให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ผลิตคอนกรีต เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนทยอยส่งมอบรถมิกเซอร์ที่เหลืออีกกว่า 40 คันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/66