Wealth Sharing
ASW ครึ่งปีแรกกวาดรายได้ 3 พันลบ. ลุ้นครึ่งปีหลังโตเด่น ตุนยอดขายกว่า 7.1พันลบ.
11 สิงหาคม 2566
บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 ทำรายได้รวม 3,015 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 440 ล้านบาท ตุนยอดขายครึ่งปีแรกแตะ 7,169 ล้านบาท มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังพุ่งแรง จาก 7 โครงการคอนโดฯ จะทยอยสร้างเสร็จพร้อมรับรู้เป็นรายได้ รวมมูลค่าโครงการ 10,950 ล้านบาท หนุนรายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7,200 ล้านบาท เล็งปรับแผนธุรกิจไตรมาส 3 หลังปิดการขายโครงการคอนโดฯ “โมดิซ อาวองการ์ด” (Modiz Avantgarde) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จากการเปิดการขายเพียงไม่นาน
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของ ‘ASW’ ครึ่งปีแรก 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) มีรายได้รวม (Revenue) 3,015 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 440 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการส่งมอบห้องชุดของโครงการคอนโดมิเนียมโมดิซ ลอนซ์ (Modiz Launch) คอนโดฯ สูง 36 ชั้น ติดรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต 463 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท และโครงการเคฟ เอวา (Kave AVA) คอนโดฯ 8 ชั้น 5 อาคาร 1,278 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการลงทุนจากโครงการแอทโมซ ทรอปิคานา บางนา ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้น 51% โดยก่อสร้างเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มียอดขายรวม (Pre-sale) สูงถึง 7,169 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 7 แห่ง มูลค่าโครงการรวม 11,860 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการเคฟ ป็อป ศาลายา (Kave Pop Salaya), เคฟ โคโค่ บางแสน (Kave Coco Bangsaen), แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน (Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin), โมดิซ วอลท์ เกษตร-ศรีปทุม (Modiz Vault Kaset Sripatum), เคฟ เอ็มบริโอ รังสิต (Kave Embryo Rangsit), เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) และแอทโมซ ซีซั่น ลาดกระบัง (Atmoz Season Ladkranbang)
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก 2566 เติบโตสอดคล้องไปกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 แต่เนื่องจากบริษัทฯ มีโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่ และทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพียง 3 โครงการ ประกอบกับภาพรวมตลาดยังมีปัจจัยลบ อาทิ ภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น การเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงิน การยกเลิกมาตรการ LTV (Loan-to-Value: LTV) ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ภาพรวมรายได้ครึ่งปีแรกอาจไม่หวือหวานัก อย่างไรก็ตามความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มคนทำงานที่เป็นเรียลดีมานด์ยังคงมีอยู่ อาทิ ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ สำหรับคนทำงานในเมืองที่ต้องการการเดินทางที่สะดวก ใกล้เมือง ใกล้แหล่งงาน รวมถึงความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากของกลุ่มผู้มีเงินเย็นยังมีอยู่เช่นกัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวต่อว่า มั่นใจผลงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังจะโดดเด่นเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีโครงการทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่พร้อมรับรู้เป็นรายได้รวม 7 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมสูงถึง 10,950 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่แล้วเสร็จในไตรมาส 3/2566 จำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 3,950 ล้านบาท ได้แก่โครงการ โมดิซ รามคำแหง (Modiz Rhyme), แอทโมซ พอร์ตเทรต ศรีสมาน (Atmoz Portrait Srisaman), แอทโมซ ซีรีน ศรีราชา (Atmoz Serene Sriracha) และไตรมาส 4/2566 จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท ได้แก่โครงการ แอทโมซ คาแนล รังสิต (Atmoz Kanaal Rangsit), แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz oasis onnut), แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี (Atmoz Flow Minburi), เคฟ ทาวน์ โคโลนี (Kave Town Colony) ซึ่งจากแผนงานดังกล่าว บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 7,200 ล้านบาท จะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
สำหรับทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง 2566 คาดว่าภายหลังจัดตั้งรัฐบาลภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะประชาชนเกิดความมั่นใจ อีกทั้งมีปัจจัยบวกสนับสนุนอยู่ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับลดลงอยู่ในกรอบเป้าหมาย ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มคลายความกังวลเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากภายหลังการประชุมคณะกรรมการการเงิน หรือ กนง.เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 2.25% จากการที่เศรษฐกิจไทยมีทิศทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าไม่น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคประเมินความสามารถในการซื้อบ้านของตัวเองได้ชัดเจนขึ้นและกล้าจับจ่ายใช้สอย
“ล่าสุดเราสามารถปิดการขาย Campus Condo โครงการใหม่ ‘โมดิซ อาวองการ์ด’ (Modiz Avantgarde) คอนโดใหม่ใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ จำนวน 751 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท หลังจากที่เปิดการขายเพียงไม่นาน ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเราเป็นผู้นำตลาด Campus Condo อย่างแท้จริง โดยในไตรมาส 3 นี้ ASW อาจจะพิจารณาปรับแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับสถานการณ์ตลาดที่มีแนวโน้มที่ดี รวมถึงเตรียมเปิดตัวโครงการเคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) จำนวน 1,424 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาทในไตรมาส 4 นี้บนทำเลใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ต่อเนื่อง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 54 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 63,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 38 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 16 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 14,513 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของ ‘ASW’ ครึ่งปีแรก 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) มีรายได้รวม (Revenue) 3,015 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 440 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการส่งมอบห้องชุดของโครงการคอนโดมิเนียมโมดิซ ลอนซ์ (Modiz Launch) คอนโดฯ สูง 36 ชั้น ติดรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต 463 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท และโครงการเคฟ เอวา (Kave AVA) คอนโดฯ 8 ชั้น 5 อาคาร 1,278 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการลงทุนจากโครงการแอทโมซ ทรอปิคานา บางนา ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้น 51% โดยก่อสร้างเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มียอดขายรวม (Pre-sale) สูงถึง 7,169 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 7 แห่ง มูลค่าโครงการรวม 11,860 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการเคฟ ป็อป ศาลายา (Kave Pop Salaya), เคฟ โคโค่ บางแสน (Kave Coco Bangsaen), แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน (Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin), โมดิซ วอลท์ เกษตร-ศรีปทุม (Modiz Vault Kaset Sripatum), เคฟ เอ็มบริโอ รังสิต (Kave Embryo Rangsit), เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) และแอทโมซ ซีซั่น ลาดกระบัง (Atmoz Season Ladkranbang)
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก 2566 เติบโตสอดคล้องไปกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 แต่เนื่องจากบริษัทฯ มีโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่ และทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพียง 3 โครงการ ประกอบกับภาพรวมตลาดยังมีปัจจัยลบ อาทิ ภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น การเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงิน การยกเลิกมาตรการ LTV (Loan-to-Value: LTV) ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ภาพรวมรายได้ครึ่งปีแรกอาจไม่หวือหวานัก อย่างไรก็ตามความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มคนทำงานที่เป็นเรียลดีมานด์ยังคงมีอยู่ อาทิ ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ สำหรับคนทำงานในเมืองที่ต้องการการเดินทางที่สะดวก ใกล้เมือง ใกล้แหล่งงาน รวมถึงความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากของกลุ่มผู้มีเงินเย็นยังมีอยู่เช่นกัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวต่อว่า มั่นใจผลงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังจะโดดเด่นเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีโครงการทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่พร้อมรับรู้เป็นรายได้รวม 7 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมสูงถึง 10,950 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่แล้วเสร็จในไตรมาส 3/2566 จำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 3,950 ล้านบาท ได้แก่โครงการ โมดิซ รามคำแหง (Modiz Rhyme), แอทโมซ พอร์ตเทรต ศรีสมาน (Atmoz Portrait Srisaman), แอทโมซ ซีรีน ศรีราชา (Atmoz Serene Sriracha) และไตรมาส 4/2566 จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท ได้แก่โครงการ แอทโมซ คาแนล รังสิต (Atmoz Kanaal Rangsit), แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz oasis onnut), แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี (Atmoz Flow Minburi), เคฟ ทาวน์ โคโลนี (Kave Town Colony) ซึ่งจากแผนงานดังกล่าว บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 7,200 ล้านบาท จะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
สำหรับทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง 2566 คาดว่าภายหลังจัดตั้งรัฐบาลภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะประชาชนเกิดความมั่นใจ อีกทั้งมีปัจจัยบวกสนับสนุนอยู่ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับลดลงอยู่ในกรอบเป้าหมาย ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มคลายความกังวลเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากภายหลังการประชุมคณะกรรมการการเงิน หรือ กนง.เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 2.25% จากการที่เศรษฐกิจไทยมีทิศทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าไม่น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคประเมินความสามารถในการซื้อบ้านของตัวเองได้ชัดเจนขึ้นและกล้าจับจ่ายใช้สอย
“ล่าสุดเราสามารถปิดการขาย Campus Condo โครงการใหม่ ‘โมดิซ อาวองการ์ด’ (Modiz Avantgarde) คอนโดใหม่ใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ จำนวน 751 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท หลังจากที่เปิดการขายเพียงไม่นาน ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเราเป็นผู้นำตลาด Campus Condo อย่างแท้จริง โดยในไตรมาส 3 นี้ ASW อาจจะพิจารณาปรับแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับสถานการณ์ตลาดที่มีแนวโน้มที่ดี รวมถึงเตรียมเปิดตัวโครงการเคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) จำนวน 1,424 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาทในไตรมาส 4 นี้บนทำเลใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ต่อเนื่อง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 54 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 63,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 38 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 16 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 14,513 ล้านบาท