บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เผยผลประกอบการรายได้ 9 เดือน (1 ตุลาคม 2565 - 30 มิถุนายน 2566) ผลกำไรสุทธิส่วนของบริษัท อยู่ที่ 500 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 13,197 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 27%
นายกำพล ปุญโสณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่า ผลประกอบการรวม 9 เดือน (1 ตุลาคม 2565 - 30 มิถุนายน 2566) ว่า มีรายได้รวมอยู่ที่ 13,197 ล้านบาท โดยเป็นรายได้ที่มาจากการลงทุนในธุรกิจพลังงาน 7,893 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของรายได้รวม รายได้ที่มาจากการลงทุนในธุรกิจตู้แช่เชิงพาณิชย์ 579 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของรายได้รวม รายได้จากการลงทุนในธุรกิจที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้าง 687 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของรายได้รวม รายได้ที่มาจากธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1,806 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% ของรายได้รวม และรายได้จากการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมและอื่นๆ 2,232 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17% ของรายได้รวม ซึ่งมีกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของบริษัทร่วม รวมอยู่ด้วย 642 ล้านบาท
“หลังจากที่บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการลงทุนทั้งในกลุ่มธุรกิจด้านพลังงาน อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ ทำให้บริษัทฯ มีความสมดุลในการรับรู้รายได้มากขึ้น และจะยังคงกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นในเรื่องการปฏิรูปองค์กร (TRANSFORMATION) เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญของบุคคลากร เพิ่มมูลค่าของธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังมีโครงสร้างทางการเงินที่พร้อมลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อสร้างความสมดุลของรายได้ตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้ต่อไป” นายกำพลกล่าว
นายกำพล ปุญโสณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่า ผลประกอบการรวม 9 เดือน (1 ตุลาคม 2565 - 30 มิถุนายน 2566) ว่า มีรายได้รวมอยู่ที่ 13,197 ล้านบาท โดยเป็นรายได้ที่มาจากการลงทุนในธุรกิจพลังงาน 7,893 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของรายได้รวม รายได้ที่มาจากการลงทุนในธุรกิจตู้แช่เชิงพาณิชย์ 579 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของรายได้รวม รายได้จากการลงทุนในธุรกิจที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้าง 687 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของรายได้รวม รายได้ที่มาจากธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1,806 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% ของรายได้รวม และรายได้จากการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมและอื่นๆ 2,232 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17% ของรายได้รวม ซึ่งมีกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของบริษัทร่วม รวมอยู่ด้วย 642 ล้านบาท
“หลังจากที่บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการลงทุนทั้งในกลุ่มธุรกิจด้านพลังงาน อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ ทำให้บริษัทฯ มีความสมดุลในการรับรู้รายได้มากขึ้น และจะยังคงกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นในเรื่องการปฏิรูปองค์กร (TRANSFORMATION) เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญของบุคคลากร เพิ่มมูลค่าของธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังมีโครงสร้างทางการเงินที่พร้อมลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อสร้างความสมดุลของรายได้ตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้ต่อไป” นายกำพลกล่าว