จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : กลยุทธ์ “JV และ M&A” หนุน DPAINT เติบโตก้าวกระโดด


11 สิงหาคม 2566
PwC คาดปริมาณและมูลค่าการควบรวมกิจการของไทยฟื้นตัวช่วงครึ่งหลังของปี 66  สอดคล้องกับแนวทางธุรกิจ บมจ.สีเดลต้า (DPAINT) ที่มีการศึกษาและกำลังเจรจากับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัท คือ สีทาบ้าน คาดจะมีความชัดเจนช่วงปลายปี 66 หรือต้นปี 67

รายงานพิเศษ กลยุทธ์ “JV และ M_A” หนุน DPAINT เติบโต.jpg

นางสาวฉันทนุช  โชติกพนิช  หุ้นส่วนและหัวหน้าสายงานดีลส์ บริษัท PwC ประเทศไทย ระบุตลาดการควบรวมกิจการ (Merger & Acquisition: M&A) ของไทยมีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 หลังปริมาณและมูลค่าการควบรวมเห็นการชะลอตัวในปีที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับปี 2564  เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และผลกระทบจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้กิจกรรมการทำดีลโดยรวมต้องหยุดชะงัก อย่างไรก็ดีเชื่อว่า กิจกรรมการควบรวมในปีนี้จะไม่สูงเท่ากับในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2564

“แนวโน้มของการควบรวมกิจการของไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มีโอกาสที่จะฟื้นตัวแทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ต้องการจะโตต่อ ธุรกิจที่กำลังแสวงหาธุรกิจอื่นที่ตนยังขาด หรือธุรกิจที่ต้องการผันตัวเองไปยังอุตสาหกรรมอื่น รวมไปถึงผู้ที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ หรือ new s-curve จะเริ่มกลับมาซื้อหรือขายกิจการกันอีกครั้ง” นางสาว ฉันทนุช กล่าว

ซึ่งปริมาณและมูลค่าการควบรวมกิจการของไทยนั้นปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปีนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอแผนการควบรวมเพื่อรอดูสถานการณ์ให้ปัจจัยหลาย ๆ อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเวลานี้สัญญาณของการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนขึ้นโดยฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายของดีลหลาย ๆ ดีลกลับมาเตรียมตัวกันใหม่อีกครั้ง 
“เมื่อธุรกิจเดินมาถึงจุดหนึ่งย่อมจะไม่สามารถพึ่งพาการเติบโตจากภายในเพียงอย่างเดียวได้ หากต้องการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ฉะนั้น การทำ strategic M&A และการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพอร์ตโฟลิโอ จึงกลายมาเป็น catalyst ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม” 

มุมมองและแนวทางการสร้างการเติบโตดังกล่าว สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ บมจ.สีเดลต้า (DPAINT) โดยประธานเจ้าหน้าที่บัญชีและการเงิน DPAINT “อรรถพล ตั้งคารวคุณ” ยอมรับว่า การต่อยอดธุรกิจของบริษัทจากธุรกิจสีไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ยังคงเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญในการต่อยอดการเติบโตทั้งการร่วมทุน (JV) และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพของธุรกิจ และขยายตลาดใหม่ๆ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการศึกษาและเจรจาดีลในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัท คือ สีทาบ้าน เช่น วัสดุก่อสร้างและตกแต่ง เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และสีอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนออกมาในช่วงปลายปี 66 หรือต้นปี 67
          
ขณะที่แนวโน้มของผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 คาดว่าจะยังเห็นทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/66 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ของบริษัทที่หันมาเน้นสัดส่วนกลุ่มลูกค้าโครงการเพิ่มมากขึ้น ทำให้สัดส่วนกลุ่มลูกค้าโครงการในไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้นเป็น 15% จากสิ้นปีก่อนที่ 5% ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง อีกทั้งยังสามารถนำเสนอสินค้าอื่นๆให้กับลูกค้าเพิ่มเติมได้ ทำให้สามารถสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท
          
นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าในการขยายเครื่องผสมสีของบริษัทให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการขยาย Point of sale ให้กระจายและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยในไตรมาส 1/66 ขยายเพิ่ม 40 เครื่อง จากสิ้นปี 65 ที่มี 617 เครื่อง และยังคงเดินหน้าขยายจนถึงสิ้นปีเป็นจำนวน 867 เครื่อง เพื่อให้เพิ่มโอกาสในการขาย
          
ส่วนการขยายไลน์สินค้าของบริษัทยังคงเน้นไปที่การขยายกลุ่มสีระดับพรีเมียม และอัลตร้าพรีเมียม ซึ่งเป็นกลุ่มสีที่ให้มารืจิ้นที่สูง และเป็นการยกระดับแบรนดฺของสีเดลต้า เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆที่มีกำลังซื้อ และต้องการใช้สีที่มีคุณภาพ พร้อมกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นสินค้าในกลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยที่ในปี 66 วางแผนออกสินค้าใหม่ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง 30 รายการ ปัจจุบันได้ออกสินค้าใหม่ไปแล้ว 20 รายการ และบริษัทยังมั่นใจยอดขายทั้งปี 66 จะทำได้ตามเป้าหมายเติบโต 20-30%

นอกจากนี้บริษัทกำลังพิจารณา ขยายตลาดไปในประเทศ CLMV  นำร่องที่ประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว  โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 10% ภายใน 3 ปี