บริษัท ไม้เนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2566 โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 3.0 พันล้านบาท ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อนและช่วงเดียวกันของปีการระบาดของโรค COVID-19 ที่อัตราร้อยละ 148 และร้อยละ 52 ตามลำดับ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารทั่วโลกอย่างต่อเนื่องเนื่องหลังผ่านการระบาดของโรค COVID-19
ไมเนอร์ โฮเทลส์ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเติบโตมากกว่า 2 เท่า จากการฟื้นตัวของความต้องการในการเดินทางในทุกภูมิภาค การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกิจกรรมการเดินทางในทุกภูมิภาคหลักของบริษัทส่งผลให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2566 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 120 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งผลส่วนใหญ่มาจากการเป็นช่วงฤดูการเดินทางในทวีปยุโรป โดยเฉพาะความต้องการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและเพื่อธุรกิจในทุกกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ย อยู่ที่ร้อยละ 72 และราคาค่าห้องพักเฉลี่ยที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 18 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสำหรับโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของในทวีปยุโรปและลาตินอเมริกา โรงแรมในภูมิภาคอื่นมีผลประกอบการที่ดีจากการฟื้นตัวของความต้องการการเดินทางเช่นเดียวกัน นำโดยประเทศไทยที่มีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนอยู่ที่ร้อยละ 62 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แรงผลักดันจากการเดินทางทั่วโลกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึง กลยุทธ์ทางการตลาดและการกำหนดราคาห้องของ MINT ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเติบโตที่ร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ไมเนอร์ ฟู้ด มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น รวมถึงยอดขายรวมทุกสาขาและยอดขายต่อร้านเติบโตกว่า 2 หลัก
ไมเนอร์ ฟู้ด มีผลกำไรจากการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็นจำนวน 427 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2566 เทียบกับ 4 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความสามารถในการทำยอดขายต่อร้านของร้านอาหารในประเทศไทยเติบโตกว่าอัตราร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการคิดค้นกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบไวรัลมาร์เก็ตติ้ง และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญของร้านอาหารในประเทศจีนจากการยกเลิกมาตรการปิดเมืองและสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ส่งผลให้ยอดขายต่อร้านในไตรมาส 2 ปี 2566 ในจีนเพิ่มสูงขึ้นถึงอัตราร้อยละ 40 จากไตรมาส 2 ปี 2565
รายได้จากการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการต้นทุนส่งผลต่อการเติบโตของกำไร
ผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2566 ไม่เพียงแต่เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ในส่วนของโรงแรมที่มากจากราคาค่าห้องพักเฉลี่ยที่สูงขึ้น และจากการเติบโตของยอดขายต่อร้านในส่วนของกลุ่มร้านอาหาร แต่ยังมีเป็นส่วนจากความสำเร็จในการบริหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลการดำเนินงานในทุกกลุ่มธุรกิจเช่น โรงแรม ร้านอาหาร และส่วนสำนักงาน ส่งผลให้อัตราทำกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2566 เติบโตร้อยละ 7.4 จากร้อยละ 3.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สถานะการเงินที่แข็งแกร่งสนับสนุนต่อการเติบโตและการขยายกิจการของบริษัท
บริษัทยังคงมุ่นมั่นในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะทางการเงินส่งผลให้ MINT มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยเงินสดในมือและวงเงินสินเชื่ออยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอยู่ที่จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท และ 3.1 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 ในส่วนของฐานะทางการเงิน MINT มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิที่ 1.09 เท่า ต่ำกว่าระดับที่ MINT กำหนดเกณฑ์ภายในบริษัทที่ 1.30 เท่า และต่ำกว่าเงื่อนไขของพันธสัญญาหนี้ที่ 1.75 เท่า กลยุทธ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ MINT ได้รับประโยชน์สูงสุดจากต้นทุนการเงินรวมถึงเพิ่มความสามารถในการขยายธุรกิจเพื่อความยั่งยืนทางการเงินในอนาคตต่อไป
นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 และปี 2567
“ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2566 เป็นผลลัพธ์ของความทุ่มเทและความพยายามของทีม การคว้าโอกาสทางการตลาดในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคยังคงฟื้นตัวยังแข็งแกร่ง ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ แนวโน้มการดำเนินธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง บ่งบอกว่าผลการดำเนินงานของ MINT ในครึ่งปีหลังของปี 2566 รวมถึงปี 2567 ยังคงดีต่อเนื่อง จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นเป็นผลให้การเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ ในยุโรปเพิ่มมขึ้นสูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาทวีปยุโรปช่วงก่อนการระบาดของโรค COVID-19 โดย ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในยุโรปจะได้รับอนิสงค์จากการเดินทางดังกล่าว กลยุทธ์ในการเลือกทำเลของโรงแรมและโปรแกรมความภัคดีที่มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกยังสนับสนุนการเติบโตของการเดินทางเพื่อธุรกิจและท่องเที่ยวสำหรับปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ผลิของทวีปยุโรปอีกด้วย นอกจากนี้ไตรมาส 4 ยังเป็นช่วงฤดูการที่ดีของธุรกิจโรงแรมในทวีปเอเชีย ส่งผลให้มีความต้องการการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจาก สหรัฐอเมริกา ยุโรป และกลุ่มลูกค้าตลาดบนจากตะวันออกกลางอีกด้วย
MINT ยังคงมุ่งเน้นเพื่อเป็นแบรนด์ที่ลูกค้า พนักงาน รวมถึงพันธมิตรเลือกเป็นอันดับแรก โดย MINT ได้รับรางวัล FTSE4Good Index Series ซึ่งสามารถยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความสำคัญที่ MINT ให้การสนับสนุนต่อความยั่งยืนและเป็นธุรกิจที่มีการปฏิบัติอย่างรับผิดชอบ”
ไมเนอร์ โฮเทลส์ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเติบโตมากกว่า 2 เท่า จากการฟื้นตัวของความต้องการในการเดินทางในทุกภูมิภาค การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกิจกรรมการเดินทางในทุกภูมิภาคหลักของบริษัทส่งผลให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2566 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 120 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งผลส่วนใหญ่มาจากการเป็นช่วงฤดูการเดินทางในทวีปยุโรป โดยเฉพาะความต้องการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและเพื่อธุรกิจในทุกกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ย อยู่ที่ร้อยละ 72 และราคาค่าห้องพักเฉลี่ยที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 18 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสำหรับโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของในทวีปยุโรปและลาตินอเมริกา โรงแรมในภูมิภาคอื่นมีผลประกอบการที่ดีจากการฟื้นตัวของความต้องการการเดินทางเช่นเดียวกัน นำโดยประเทศไทยที่มีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนอยู่ที่ร้อยละ 62 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แรงผลักดันจากการเดินทางทั่วโลกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึง กลยุทธ์ทางการตลาดและการกำหนดราคาห้องของ MINT ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเติบโตที่ร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ไมเนอร์ ฟู้ด มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น รวมถึงยอดขายรวมทุกสาขาและยอดขายต่อร้านเติบโตกว่า 2 หลัก
ไมเนอร์ ฟู้ด มีผลกำไรจากการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็นจำนวน 427 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2566 เทียบกับ 4 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความสามารถในการทำยอดขายต่อร้านของร้านอาหารในประเทศไทยเติบโตกว่าอัตราร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการคิดค้นกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบไวรัลมาร์เก็ตติ้ง และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญของร้านอาหารในประเทศจีนจากการยกเลิกมาตรการปิดเมืองและสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ส่งผลให้ยอดขายต่อร้านในไตรมาส 2 ปี 2566 ในจีนเพิ่มสูงขึ้นถึงอัตราร้อยละ 40 จากไตรมาส 2 ปี 2565
รายได้จากการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการต้นทุนส่งผลต่อการเติบโตของกำไร
ผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2566 ไม่เพียงแต่เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ในส่วนของโรงแรมที่มากจากราคาค่าห้องพักเฉลี่ยที่สูงขึ้น และจากการเติบโตของยอดขายต่อร้านในส่วนของกลุ่มร้านอาหาร แต่ยังมีเป็นส่วนจากความสำเร็จในการบริหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลการดำเนินงานในทุกกลุ่มธุรกิจเช่น โรงแรม ร้านอาหาร และส่วนสำนักงาน ส่งผลให้อัตราทำกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2566 เติบโตร้อยละ 7.4 จากร้อยละ 3.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สถานะการเงินที่แข็งแกร่งสนับสนุนต่อการเติบโตและการขยายกิจการของบริษัท
บริษัทยังคงมุ่นมั่นในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะทางการเงินส่งผลให้ MINT มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยเงินสดในมือและวงเงินสินเชื่ออยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอยู่ที่จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท และ 3.1 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 ในส่วนของฐานะทางการเงิน MINT มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิที่ 1.09 เท่า ต่ำกว่าระดับที่ MINT กำหนดเกณฑ์ภายในบริษัทที่ 1.30 เท่า และต่ำกว่าเงื่อนไขของพันธสัญญาหนี้ที่ 1.75 เท่า กลยุทธ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ MINT ได้รับประโยชน์สูงสุดจากต้นทุนการเงินรวมถึงเพิ่มความสามารถในการขยายธุรกิจเพื่อความยั่งยืนทางการเงินในอนาคตต่อไป
นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 และปี 2567
“ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2566 เป็นผลลัพธ์ของความทุ่มเทและความพยายามของทีม การคว้าโอกาสทางการตลาดในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคยังคงฟื้นตัวยังแข็งแกร่ง ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ แนวโน้มการดำเนินธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง บ่งบอกว่าผลการดำเนินงานของ MINT ในครึ่งปีหลังของปี 2566 รวมถึงปี 2567 ยังคงดีต่อเนื่อง จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นเป็นผลให้การเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ ในยุโรปเพิ่มมขึ้นสูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาทวีปยุโรปช่วงก่อนการระบาดของโรค COVID-19 โดย ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในยุโรปจะได้รับอนิสงค์จากการเดินทางดังกล่าว กลยุทธ์ในการเลือกทำเลของโรงแรมและโปรแกรมความภัคดีที่มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกยังสนับสนุนการเติบโตของการเดินทางเพื่อธุรกิจและท่องเที่ยวสำหรับปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ผลิของทวีปยุโรปอีกด้วย นอกจากนี้ไตรมาส 4 ยังเป็นช่วงฤดูการที่ดีของธุรกิจโรงแรมในทวีปเอเชีย ส่งผลให้มีความต้องการการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจาก สหรัฐอเมริกา ยุโรป และกลุ่มลูกค้าตลาดบนจากตะวันออกกลางอีกด้วย
MINT ยังคงมุ่งเน้นเพื่อเป็นแบรนด์ที่ลูกค้า พนักงาน รวมถึงพันธมิตรเลือกเป็นอันดับแรก โดย MINT ได้รับรางวัล FTSE4Good Index Series ซึ่งสามารถยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความสำคัญที่ MINT ให้การสนับสนุนต่อความยั่งยืนและเป็นธุรกิจที่มีการปฏิบัติอย่างรับผิดชอบ”