Smart Investment

ปี 65 "แอน จักรพงษ์" ตัดขายหุ้น JKN 28%


14 ธันวาคม 2565

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2565 ดัชนีผันผวนและแกว่งตัว โดยบล.เอเซียพลัส ระบุว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมธนาคารกลางที่สำคัญหลายประเทศ ได้แก่ FED, ECBและ BOE โดยคาดว่าธนาคารกลางทั้ง 3 แห่ง น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราเท่ากันคือ 0.5% ซึ่งตลาดหุ้นก็ได้สะท้อนภาพความคาดหวังดังกล่าวไว้แล้ว และในมุมของฝ่ายวิจัยที่ได้นำเสนอมา ก็เห็นว่าความกังวลเรื่อง เงินเฟ้อสูง และ ดอกเบี้ยขึ้นเร็วจะมีอิทธิพลต่อทิศทางตลาดการเงินลดลง แต่หลังจากนี้ไปจะมีความกังวลเรื่อง Recession เคลื่อนเข้ามาแทนโดยน้ำหนักต่อตลาดหุ้นจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น ตามลำดับ

สำหรับประเด็นที่อยู่ในความสนใจในช่วงนี้ เป็นเรื่องของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเริ่มเห็นโอกาสที่จะกลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้น หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย.ออกมาต่ำ อีกทั้งเริ่มเห็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุม Covid-19 อย่างต่อเนื่อง สัญญาณดังกล่าวน่าจะสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่า SET Index น่าจะผันผวนในกรอบแคบ และมี Downside ที่จำกัดประเมินกรอบการเคลื่อนไหวช่วง 1610 - 1635 จุด

จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) JKN ล่าสุดได้ปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2565 พบว่า "จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์" หรือ แอน จักรพงษ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ถือหุ้นจำนวน 183,018,523 หุ้น คิดเป็น 25.23% ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อ ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 บุคลลดังกล่าวถือหุ้น จำนวน 322,923,173 หุ้นคิดเป็น 53.16%

โดยจะเห็นว่า ในปี 2565 "แอน จักรพงษ์"ได้ตัดขายหุ้นออกมาจำนวนไม่น้อยกว่า 28%ของหุ้นที่ถือลงทุน ซึ่งเป็นการทยอยตัดขายออกมา โดยเฉพาะช่วงปลายปี 2565 มีการทยอยขายออกมาในสัดส่วนที่สูงกว่าปีอื่นๆ และการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในครั้งนี้ ส่งผลให้ "แอน จักรพงษ์" ถือครองหุ้นต่ำสุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560-2565

ทั้งนี้ จากการรายงานจากสำของนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ในปีนี้มีการทำรายการ 2 ครั้ง ดังนี้

รายงานการจำหน่าย หุ้นของ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดย นาย จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 2.5213% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 42.482% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 2.5213% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 42.482% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

รายงานการจำหน่าย หุ้นของ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดย นาย จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 2.783% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 39.699% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 2.783% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 39.699% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 การถือครองหุ้นของ "แอน จักรพงษ์" ยังคงมีสัดส่วนอยู่ที่ 39.699% แต่ถ้าหากนำมาพิจารณาเทียบกับการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2565 จะเห็นว่าสัดส่วนการถือครองหุ้นเหลือเพียง 25.23% ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่า บุคคลดังกล่าวได้ทยอยขายหุ้นออกมาอีก จนทำให้สัดส่วนลดลง

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ประกอบด้วย

จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ 183,018,523 25.23
BNP PARIBAS SINGAPORE BRANCH 31,000,000 4.27
เฉลิม หาญพาณิชย์ 24,100,000 3.32
ไทยเอ็นวีดีอาร์ 20,753,396 2.86
สุทธิเกียรติ กิตติภัทรากุล 8,000,400 1.10
พิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ 7,262,800 1.00
ชนม์นิภา ลำโกน 6,300,250 0.87
วันทนีย์ รุจิราวรรณกร 4,950,400 0.68
วิสันต์ เสถียรจริยวงศ์ 3,761,200 0.52
องอาจ วรวิทย์ลิขิต 3,500,000 0.48

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น JKN ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ลดลง 18.81% จากราคา 5.05 บาท ลดลงมาอยู่ที่ 4.10 บาท โดยเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 5.20 บาท และต่ำสุดที่ 4 บาท

อนึ่ง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ดำเนินธุรกิจประกอบด้วย 1. ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์2. ธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าทางสถานีโทรทัศน์ 3. ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์

JKN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 โดยเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (IPO)ในราคาหุ้นละ 8 บาท จากนั้นในปี 2563 ย้ายมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 2,989.08 ล้านบาท(ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2565)

ล่าสุดบริษัทฯ ได้ประกาศซื้อกิจการทั้งหมด 100% ของ Miss Universe Organization (MUO) หรือองค์กรนางงามจักรวาล จาก IMG Worldwide ปัจจุบันพร้อมแล้วที่จะจัดการประกวด Miss Universe 2022 ครั้งที่ 71 และบริษัทฯ ยังเตรียมความพร้อมที่จะให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวด Miss Universe 2023 ครั้งที่ 72