"เบริล 8 พลัส" โชว์ผลงานแกร่งต่อเนื่องไตรมาส 2/2566 กำไรสุทธิโตเฉียด 19 % โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี ธุรกิจการขายและสิทธิการเช่า ขณะที่งวดครึ่งปีแรกรายได้พุ่ง 370% ส่วนภาพรวมธุรกิจในปีนี้ได้รับอานิสงค์จากการลงทุนด้าน Digital Transformation ของทุกภาคอุตสาหกรรม แถมยังมีโอกาสเติบโตจากกิจการร่วมค้าและขยายการลงทุนไปต่างประเทศ
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 73.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 61.63 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 631.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.72% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 586 ล้านบาท
ทั้งนี้หากแยกประเภทของรายได้จากการขายและบริการในงวดไตรมาส 2 ปี 2566 พบว่าบริษัทมีรายได้จากให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี 304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.78% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า มีรายได้จากการขายและสิทธิการเช่า 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.37% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมทั้งมีรายได้จากการดูแลระบบเทคโนโลยีและจัดหาบุคลากรเทคโนโลยี 141.50 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 134.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.32 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 53.80 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1,217 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 370.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากการขายและบริการ 258.71 ล้านบาท
“การที่รายได้บริษัทเติบโตก้าวกระโดด เป็นผลมาจากการควบรวมกิจการในช่วงที่ผ่านมาทำให้กลุ่ม BE8 สามารถสร้าง Digital Transformation Ecosystem ที่สมบูรณ์มีศักยภาพครบทุกด้านและตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ส่งผลให้รายได้และกำไรในแต่ละกลุ่มธุรกิจเติบโตได้ดี ทั้งในส่วนของการให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี การขายและสิทธิการเช่าเทคโนโลยี ”นายอภิเษก กล่าว
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นายอภิเษกกล่าวว่ายังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเนื่องจากภาพรวมของทุกอุตสาหกรรมยังมีการลงทุนด้านการทำ Digital Transformation อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ CRM, Big Data, Integration และ Cyber Security ซึ่งทางกลุ่ม BE8 มีให้บริการทุกด้าน นอกจากนี้ลูกค้าค่อนข้างตื่นตัวกับ AI ซึ่งทางบริษัทก็มีการนำเสนอบริการในด้านนี้ด้วย เชื่อมั่นว่าจะเห็นการเติบโตได้ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันบริษัทก็มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นจากกิจการร่วมค้า (Joint Venture) และการขยายการลงทุนไปต่างประเทศ
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 73.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 61.63 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 631.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.72% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 586 ล้านบาท
ทั้งนี้หากแยกประเภทของรายได้จากการขายและบริการในงวดไตรมาส 2 ปี 2566 พบว่าบริษัทมีรายได้จากให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี 304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.78% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า มีรายได้จากการขายและสิทธิการเช่า 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.37% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมทั้งมีรายได้จากการดูแลระบบเทคโนโลยีและจัดหาบุคลากรเทคโนโลยี 141.50 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 134.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.32 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 53.80 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1,217 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 370.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากการขายและบริการ 258.71 ล้านบาท
“การที่รายได้บริษัทเติบโตก้าวกระโดด เป็นผลมาจากการควบรวมกิจการในช่วงที่ผ่านมาทำให้กลุ่ม BE8 สามารถสร้าง Digital Transformation Ecosystem ที่สมบูรณ์มีศักยภาพครบทุกด้านและตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ส่งผลให้รายได้และกำไรในแต่ละกลุ่มธุรกิจเติบโตได้ดี ทั้งในส่วนของการให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี การขายและสิทธิการเช่าเทคโนโลยี ”นายอภิเษก กล่าว
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นายอภิเษกกล่าวว่ายังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเนื่องจากภาพรวมของทุกอุตสาหกรรมยังมีการลงทุนด้านการทำ Digital Transformation อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ CRM, Big Data, Integration และ Cyber Security ซึ่งทางกลุ่ม BE8 มีให้บริการทุกด้าน นอกจากนี้ลูกค้าค่อนข้างตื่นตัวกับ AI ซึ่งทางบริษัทก็มีการนำเสนอบริการในด้านนี้ด้วย เชื่อมั่นว่าจะเห็นการเติบโตได้ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันบริษัทก็มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นจากกิจการร่วมค้า (Joint Venture) และการขยายการลงทุนไปต่างประเทศ