Wealth Sharing
BBL แบงก์ไทยรายเดียวคว้าใบอนุญาต “ผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สิน” ในเวียดนาม
15 สิงหาคม 2566
ธนาคารกรุงเทพ สยายปีกธุรกิจการเงินในอาเซียน เป็นธนาคารไทยรายเดียวที่คว้าใบอนุญาต “ผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สิน” ในเวียดนาม รองรับทั้งตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ และฮานอย เดินหน้าสู่ ‘สถาบันการเงินชั้นนำระดับภูมิภาค’ อย่างแข็งแกร่ง
นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้รับผิดชอบกิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพได้รับใบอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งรัฐเวียดนาม (State Securities Commission of Vietnam : SSC) ประเทศเวียดนาม เพื่อทำหน้าที่เป็น “ผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สิน” (Custodian) ได้แก่ บริการส่งมอบและชำระราคาหลักทรัพย์ รับฝากหลักทรัพย์ และติดตามสิทธิประโยชน์ รวมถึงบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ทั้งตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Stock Exchange : HOSE) และ ตลาดหลักทรัพย์ฮานอย (Hanoi Stock Exchange : HNX) รองรับนักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทจัดการกองทุน ทั้งไทยและต่างประเทศ ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ซึ่งเวียดนามนับเป็นเป้าหมายการลงทุนอันดับต้นๆ ของภูมิภาคอาเซียน
ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพนับเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดดำเนินการธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ โดยสาขาโฮจิมินห์ ซิตี้ เปิดให้บริการในปี 2535 และสาขาฮานอย เปิดให้บริการในปี 2537 เพื่อดูแลลูกค้าทั้งที่เป็นบริษัทไทยและต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม โดยมีบริการทางการเงินที่หลากหลาย โดยเฉพาะบริการเพื่อธุรกิจส่งออกและนำเข้า เช่น บริการออกหนังสือเลตเตอร์ออฟเครดิต บริการสินเชื่อเพื่อการนำเข้า บริการออกหนังสือค้ำประกันการออกสินค้าทางเรือ บริการตั๋วเรียกเก็บ Bill Discounts บริการหนังสือค้ำประกัน Standby Letters of Credit รวมถึงบริการสินเชื่อธุรกิจ บริการโอนเงินระหว่างประเทศ บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน บริการควบรวมและซื้อกิจการ และบริการด้านการลงทุน
นายไชยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า การได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินดังกล่าว จะช่วยเสริมศักยภาพของธนาคารกรุงเทพเพื่อให้บริการด้านการเงินและการลงทุนแก่นักลงทุนที่เป็นสถาบันการเงินได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น สอดรับกับโอกาสการลงทุนในประเทศเวียดนามที่มีความน่าสนใจ เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตสูงด้วยปริมาณเงินลงทุนจากต่างประเทศและภาคการส่งออก รวมถึงการบริโภคภายในประเทศก็กำลังเติบโตได้อย่างแข็งแรงเนื่องจากพื้นฐานประชากรส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน เช่นเดียวกับโอกาสการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 13% ต่อปี จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนจากต่างชาติรวมถึงนักลงทุนไทย ขณะที่กองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ก็เป็นที่สนใจของนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน
“ธนาคารกรุงเทพ เป็นสถาบันการเงินไทยที่มีประสบการณ์ในการให้บริการทางการเงินในเวียดนามมายาวนานกว่า 62 ปี ขณะเดียวกันเราก็มีประสบการณ์ในบริการด้านรับฝากทรัพย์สินทั้งในไทยและต่างประเทศมากกว่า 30 ปี เมื่อรวมเข้ากับความพร้อมด้านบุคลากร ความพร้อมของระบบที่มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสากล รวมถึงเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับตลาดหลักทรัพย์เวียดนามได้ นับเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตเป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งรัฐเวียดนาม ที่สำคัญยังถือเป็นสถาบันการเงินไทยรายแรกและรายเดียว ที่ได้รับอนุญาตดังกล่าว ตอกย้ำบทบาทการเป็น ‘สถาบันการเงินชั้นนำระดับภูมิภาค’ ได้อย่างชัดเจนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของธนาคาร” นายไชยฤทธิ์ กล่าว
นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้รับผิดชอบกิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพได้รับใบอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งรัฐเวียดนาม (State Securities Commission of Vietnam : SSC) ประเทศเวียดนาม เพื่อทำหน้าที่เป็น “ผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สิน” (Custodian) ได้แก่ บริการส่งมอบและชำระราคาหลักทรัพย์ รับฝากหลักทรัพย์ และติดตามสิทธิประโยชน์ รวมถึงบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ทั้งตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Stock Exchange : HOSE) และ ตลาดหลักทรัพย์ฮานอย (Hanoi Stock Exchange : HNX) รองรับนักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทจัดการกองทุน ทั้งไทยและต่างประเทศ ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ซึ่งเวียดนามนับเป็นเป้าหมายการลงทุนอันดับต้นๆ ของภูมิภาคอาเซียน
ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพนับเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดดำเนินการธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ โดยสาขาโฮจิมินห์ ซิตี้ เปิดให้บริการในปี 2535 และสาขาฮานอย เปิดให้บริการในปี 2537 เพื่อดูแลลูกค้าทั้งที่เป็นบริษัทไทยและต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม โดยมีบริการทางการเงินที่หลากหลาย โดยเฉพาะบริการเพื่อธุรกิจส่งออกและนำเข้า เช่น บริการออกหนังสือเลตเตอร์ออฟเครดิต บริการสินเชื่อเพื่อการนำเข้า บริการออกหนังสือค้ำประกันการออกสินค้าทางเรือ บริการตั๋วเรียกเก็บ Bill Discounts บริการหนังสือค้ำประกัน Standby Letters of Credit รวมถึงบริการสินเชื่อธุรกิจ บริการโอนเงินระหว่างประเทศ บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน บริการควบรวมและซื้อกิจการ และบริการด้านการลงทุน
นายไชยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า การได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินดังกล่าว จะช่วยเสริมศักยภาพของธนาคารกรุงเทพเพื่อให้บริการด้านการเงินและการลงทุนแก่นักลงทุนที่เป็นสถาบันการเงินได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น สอดรับกับโอกาสการลงทุนในประเทศเวียดนามที่มีความน่าสนใจ เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตสูงด้วยปริมาณเงินลงทุนจากต่างประเทศและภาคการส่งออก รวมถึงการบริโภคภายในประเทศก็กำลังเติบโตได้อย่างแข็งแรงเนื่องจากพื้นฐานประชากรส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน เช่นเดียวกับโอกาสการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 13% ต่อปี จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนจากต่างชาติรวมถึงนักลงทุนไทย ขณะที่กองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ก็เป็นที่สนใจของนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน
“ธนาคารกรุงเทพ เป็นสถาบันการเงินไทยที่มีประสบการณ์ในการให้บริการทางการเงินในเวียดนามมายาวนานกว่า 62 ปี ขณะเดียวกันเราก็มีประสบการณ์ในบริการด้านรับฝากทรัพย์สินทั้งในไทยและต่างประเทศมากกว่า 30 ปี เมื่อรวมเข้ากับความพร้อมด้านบุคลากร ความพร้อมของระบบที่มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสากล รวมถึงเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับตลาดหลักทรัพย์เวียดนามได้ นับเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตเป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งรัฐเวียดนาม ที่สำคัญยังถือเป็นสถาบันการเงินไทยรายแรกและรายเดียว ที่ได้รับอนุญาตดังกล่าว ตอกย้ำบทบาทการเป็น ‘สถาบันการเงินชั้นนำระดับภูมิภาค’ ได้อย่างชัดเจนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของธนาคาร” นายไชยฤทธิ์ กล่าว