จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : NEX เติบโตก้าวกระโดด รับกระแสรถพลังงานไฟฟ้าบูม


17 สิงหาคม 2566
กระแสการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งในส่วนของรถยนต์นั่งและรถโดยสาร หรือ รถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนผลงานบมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ขณะที่ผู้บริหารประกาศเดินหน้า โรงประกอบยานยนต์ไฟฟ้ากำลังการผลิตสูงถึง 9,000 คันต่อปี

รายงานพิเศษ NEX copy.jpg

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มองว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 66 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ

โดยในส่วนของตลาดรถบรรทุกและรถโดยสาร การเติบโตสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย ที่ทยอยกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น คาดว่ายอดจดทะเบียนรถบรรทุกจะขยายตัว 2.7% ชะลอลงจากปีก่อนเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากแนวโน้มความต้องการขนส่งสินค้าทางบกที่ปรับลดลงตามภาคการส่งออก

อย่างไรก็ดี ยังมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนก่อสร้าง ประกอบกับการค้าชายแดนและผ่านแดนที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับยอดจดทะเบียนรถโดยสารมีแนวโน้มเติบโต 49.1% เร่งขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับอุปสงค์ในกลุ่มรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว อีกทั้งแรงส่งจากนโยบายเปลี่ยนผ่านรถโดยสารประจำทางไป สู่รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า

ซึ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่ายอดจดทะเบียนรถ EVs ในปี 66 จะอยู่ที่ราว 4.95 หมื่นคัน หรือเติบโตสูงถึง 430%YOY ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.6% ของยอดขายรถยนต์นั่งทั้งหมด จาก 1.1% ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ กำลังการผลิตรถยนต์ EVs ของไทยก็มีแนวโนมปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ราว 3.5 แสนคันต่อปี 

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศ สะท้อนได้จากผลงานในช่วงที่ผ่านมาของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง  โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา”  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/66 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.66 มีรายได้รวม 2,753.94 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 210.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,543.77 ล้านบาท หรือ 1,210% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำนวน 2,567.11 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/66 บริษัทฯจำหน่ายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้เพิ่มขึ้นจำนวน 487 คัน
         
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 352.50 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 59.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 411.93 ล้านบาท
          
สำหรับรายได้ของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 66 มีรายได้รวม 5,964.56 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 364.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,536% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำนวน 5,584.48 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 บริษัทฯจำหน่ายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้จำนวน 1,050 คัน
          
ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 66 อยู่ที่ 504.58 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 122.17 ล้านบาท มีกำไรเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 626.75 ล้านบาท
          
แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 66 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วน EV Minibus Bus และ EV Truck  โดยปัจจุบัน NEX มีความพร้อมเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง โดยโรงประกอบยานยนต์ไฟฟ้ามีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 9,000 คันต่อปี ซึ่งบริษัทฯจะพิจารณาการขยายกำลังการผลิตที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้รถ EV ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
NEX