SYMC ประกาศผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก รายได้แตะ 1,026.7 ล้านบาท เติบโต 23.4 % กวาดกำไรสุทธิ 174.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากบริการถึง 948.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% สะท้อนการเติบโตของธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเชื่อมต่อโครงข่าย บริการคลาวด์ คอมพิวติ้งและบริการด้านความปลอดภัยสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเติบโต รองรับการใช้งานดิจิทัล โดยกำไรสุทธิ 174.2 ล้านบาท รวมกำไรจากการขายเงินลงทุนครั้งเดียวในบริษัทร่วม บริษัท เอมส์ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) ADCTH จำนวน 63.7 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรสุทธิหลักยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 113.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนงบไตรมาสที่ 2 ยังโตต่อเนื่อง กวาดรายได้ 482.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากไตรมาสเดียวของปีก่อน ด้าน EBITDA ทั้ง 6 เดือนและไตรมาส 2 โตสูงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพธุรกิจเติบโตทุกไตรมาส ทั้งบริการเชื่อมต่อโครงข่าย บริการคลาวด์และบริการด้านการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นผลมาจากการเดินหน้าสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรธุรกิจ
นายอเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำหรือ SYMC กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานที่ดีในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2566 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจและการสะท้อนเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง จากการมุ่งเน้นตลาดองค์กรในประเทศ และเพื่อรองรับโอกาสที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าต่างประเทศที่ต้องการบริการเชื่อมต่อโครงข่ายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เนื่องจากบริษัทฯ เห็นการขยายตัวที่รวดเร็วของตลาดตามสถานการณ์หลังโควิดและการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทรนด์ดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้สามารถขยายธุรกิจและจับฐานลูกค้าได้มากขึ้น โดยใน 6 เดือนแรกบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,026.7 ล้านบาท เติบโต 23.4% และกำไรสุทธิหลัก 174.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100%จากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท เอมส์ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ADCTH จำนวน 63.7 ล้านบาท เป็นรายได้จากบริการถึง 948.7 ล้านบาท ที่เติบโตขึ้น 15.4% จากบริการการเชื่อมต่อทั้งในและต่างประเทศ สามารถทำกำไรสุทธิปกติได้ 113.4 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 493.3 ล้านบาท เติบโต 15.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เติบโต 5% จากไตรมาสที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 127.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 155 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเมื่อรวมกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม ในขณะที่กำไรสุทธิปกติทำได้ถึง 66.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เติบโต 41.6% จากไตรมาสที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้มาจากบริการหลักที่เติบโตและมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ได้รับแรงหนุนจากความต้องการของตลาดมุ่งสู่ดิจิทัล ในขณะที่บริษัทได้มีการปรับปรุงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ เพิ่มประสบการณ์การบริการที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการรักษาประสิทธิภาพคุณภาพเครือข่ายที่มีเสถียรภาพให้กับลูกค้า
นายอเล็กซ์ กล่าวต่อว่า แม้ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความท้าทายหลายด้าน จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเปราะบางจากหลายปัจจัย อาทิ สัญญาณเงินเฟ้อ ต้นทุนต่างๆ ในการทำธุรกิจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน แต่บริษัทฯ ยังคาดการณ์ความเชื่อมั่นธุรกิจในเชิงบวกจากแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในองค์กรต่างๆ การเปลี่ยนแปลงไปสู่คลาวด์คอมพิวติ้ง เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานและไอซีทีโซลูชั่นที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคง อันเนื่องมาจากการการที่องค์กรต่างๆ พยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยเน้นเรื่องการขยายโครงข่ายและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่มีมากขึ้น บริษัทยังคงเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและการเงินสำหรับปี 2566 เน้นรักษาประสิทธิภาพด้านต้นทุน เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักไปพร้อมกับการเพิ่มข้อเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า
ส่วนงบไตรมาสที่ 2 ยังโตต่อเนื่อง กวาดรายได้ 482.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากไตรมาสเดียวของปีก่อน ด้าน EBITDA ทั้ง 6 เดือนและไตรมาส 2 โตสูงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพธุรกิจเติบโตทุกไตรมาส ทั้งบริการเชื่อมต่อโครงข่าย บริการคลาวด์และบริการด้านการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นผลมาจากการเดินหน้าสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรธุรกิจ
นายอเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำหรือ SYMC กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานที่ดีในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2566 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจและการสะท้อนเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง จากการมุ่งเน้นตลาดองค์กรในประเทศ และเพื่อรองรับโอกาสที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าต่างประเทศที่ต้องการบริการเชื่อมต่อโครงข่ายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เนื่องจากบริษัทฯ เห็นการขยายตัวที่รวดเร็วของตลาดตามสถานการณ์หลังโควิดและการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทรนด์ดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้สามารถขยายธุรกิจและจับฐานลูกค้าได้มากขึ้น โดยใน 6 เดือนแรกบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,026.7 ล้านบาท เติบโต 23.4% และกำไรสุทธิหลัก 174.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100%จากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท เอมส์ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ADCTH จำนวน 63.7 ล้านบาท เป็นรายได้จากบริการถึง 948.7 ล้านบาท ที่เติบโตขึ้น 15.4% จากบริการการเชื่อมต่อทั้งในและต่างประเทศ สามารถทำกำไรสุทธิปกติได้ 113.4 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 493.3 ล้านบาท เติบโต 15.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เติบโต 5% จากไตรมาสที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 127.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 155 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเมื่อรวมกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม ในขณะที่กำไรสุทธิปกติทำได้ถึง 66.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เติบโต 41.6% จากไตรมาสที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้มาจากบริการหลักที่เติบโตและมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ได้รับแรงหนุนจากความต้องการของตลาดมุ่งสู่ดิจิทัล ในขณะที่บริษัทได้มีการปรับปรุงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ เพิ่มประสบการณ์การบริการที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการรักษาประสิทธิภาพคุณภาพเครือข่ายที่มีเสถียรภาพให้กับลูกค้า
นายอเล็กซ์ กล่าวต่อว่า แม้ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความท้าทายหลายด้าน จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเปราะบางจากหลายปัจจัย อาทิ สัญญาณเงินเฟ้อ ต้นทุนต่างๆ ในการทำธุรกิจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน แต่บริษัทฯ ยังคาดการณ์ความเชื่อมั่นธุรกิจในเชิงบวกจากแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในองค์กรต่างๆ การเปลี่ยนแปลงไปสู่คลาวด์คอมพิวติ้ง เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานและไอซีทีโซลูชั่นที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคง อันเนื่องมาจากการการที่องค์กรต่างๆ พยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยเน้นเรื่องการขยายโครงข่ายและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่มีมากขึ้น บริษัทยังคงเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและการเงินสำหรับปี 2566 เน้นรักษาประสิทธิภาพด้านต้นทุน เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักไปพร้อมกับการเพิ่มข้อเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า