Talk of The Town
TIDLOR บวกแรง 5.34% จับตาสินเชื่อ H2 โตแรง เอ็นพีแอลต่ำ โบรกฯชี้เป้า 27 บาท
21 สิงหาคม 2566
ราคาหุ้น TIDLOR บวกแรง 5% แตะที่ระดับ 21.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ 5.34% มูล
![ข่าวลูกค้า TIDLOR บวกแรง 5.34_ จับตาสินเชื่อ H2 โตแร.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/August/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%20TIDLOR%20%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%205.34_%20%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%20H2%20%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%A3.jpg)
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ไม่เร่งขยายสินเชื่อจนเกินไป เนื่องจากสินเชื่อขยายตัว 5% QoQ และ 7% YTD ใน ไตรมาส 2/66 บริษัทจึงยังคงเป้าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 10-20% ซึ่งหมายความว่าโมเมนตัมการเติบโของสินเชื่อในงวดครึ่งปีหลังปี 66 จะอยู่ในระดับปานกลาง สอดคล้องกับการที่ไม่มีการขยายสาขาเพิ่มในงวดครึ่งปีแรกปี 6 และไม่มีแผนจะเร่งขยายสาขาในงวดครึ่งปีหลังปี 66 ทั้งนี้ ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น แต่ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนั้นมาร์จิ้น ในครึ่งปีหลังปี 66 จึงน่าจะลดลงประมาณ 20-30bps HoH
นอกจากนี้ มีสัญญาณดีขึ้นจากการที่รายได้ค่าธรรมเนียมโตเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมได้ประมาณ 28% YoY ซึ่งเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ที่ 20-25% ในขณะเดียวกัน การเร่งเพิ่มจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ หรือ telesales (จาก 600 คนใน 1Q66 เป็น 700 คนใน 2Q66) และการเร่งเพิ่มจำนวนตัวแทน (จาก 6700 คนใน 1Q66 เป็น 11,000 คนใน 2Q66) น่าจะช่วยหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการเป็นนายหน้าประกันในงวด 2H66
เห็นสัญญาณบวกจากการที่คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น บริษัทสามารถรักษาสัดส่วน NPL ให้คงอยู่ในระดับต่ำได้ที่ 1.5% ใน 1H66 (เท่ากับในปี 2565) จากเป้าเต็มปีที่ <1.8% ในขณะเดียวกัน credit cost ทรงตัวอยู่ที่ 3.1% ในงวด 1H66 และสัดส่วน NPL coverage ยังอยู่ในระดับสูงที่ 260% ดังนั้น เราจึงมองว่า TIDLOR น่าจะสามารถลด credit cost ลงได้ใน 2H66 (TIDLOR ตั้งเป้าคชจ.สำรองฯ (credit cost) เต็มปีเอาไว้ที่ 3.3-3.5%)
“เราเห็นสัญญาณว่าผลประกอบการของ TIDLOR น่าจะเริ่มทรงตัว เพราะบริหารจัดการ credit cost ได้มากขึ้น และ NPLs นิ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรามองว่าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มจะยากลำบากมากขึ้น และมีความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลเพื่อคุมหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ดังนั้น เราจึง de-rate PE ของกลุ่ม non-bank ลงจากสมมติฐานเดิมประมาณ 15% โดยเราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายที่อิงจากประมาณการกำไรเฉลี่ยสองปี และ PE ใหม่ที่ 16.5x (ลดงงจากเดิมที่ 20x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าใหม่ที่ 27 บาท (จากเดิมที่ 30.50 บาท) และยังคงคำแนะนำซื้อ”
![ข่าวลูกค้า TIDLOR บวกแรง 5.34_ จับตาสินเชื่อ H2 โตแร.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/August/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%20TIDLOR%20%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%205.34_%20%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%20H2%20%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%A3.jpg)
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ไม่เร่งขยายสินเชื่อจนเกินไป เนื่องจากสินเชื่อขยายตัว 5% QoQ และ 7% YTD ใน ไตรมาส 2/66 บริษัทจึงยังคงเป้าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 10-20% ซึ่งหมายความว่าโมเมนตัมการเติบโของสินเชื่อในงวดครึ่งปีหลังปี 66 จะอยู่ในระดับปานกลาง สอดคล้องกับการที่ไม่มีการขยายสาขาเพิ่มในงวดครึ่งปีแรกปี 6 และไม่มีแผนจะเร่งขยายสาขาในงวดครึ่งปีหลังปี 66 ทั้งนี้ ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น แต่ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนั้นมาร์จิ้น ในครึ่งปีหลังปี 66 จึงน่าจะลดลงประมาณ 20-30bps HoH
นอกจากนี้ มีสัญญาณดีขึ้นจากการที่รายได้ค่าธรรมเนียมโตเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมได้ประมาณ 28% YoY ซึ่งเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ที่ 20-25% ในขณะเดียวกัน การเร่งเพิ่มจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ หรือ telesales (จาก 600 คนใน 1Q66 เป็น 700 คนใน 2Q66) และการเร่งเพิ่มจำนวนตัวแทน (จาก 6700 คนใน 1Q66 เป็น 11,000 คนใน 2Q66) น่าจะช่วยหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการเป็นนายหน้าประกันในงวด 2H66
เห็นสัญญาณบวกจากการที่คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น บริษัทสามารถรักษาสัดส่วน NPL ให้คงอยู่ในระดับต่ำได้ที่ 1.5% ใน 1H66 (เท่ากับในปี 2565) จากเป้าเต็มปีที่ <1.8% ในขณะเดียวกัน credit cost ทรงตัวอยู่ที่ 3.1% ในงวด 1H66 และสัดส่วน NPL coverage ยังอยู่ในระดับสูงที่ 260% ดังนั้น เราจึงมองว่า TIDLOR น่าจะสามารถลด credit cost ลงได้ใน 2H66 (TIDLOR ตั้งเป้าคชจ.สำรองฯ (credit cost) เต็มปีเอาไว้ที่ 3.3-3.5%)
“เราเห็นสัญญาณว่าผลประกอบการของ TIDLOR น่าจะเริ่มทรงตัว เพราะบริหารจัดการ credit cost ได้มากขึ้น และ NPLs นิ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรามองว่าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มจะยากลำบากมากขึ้น และมีความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลเพื่อคุมหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ดังนั้น เราจึง de-rate PE ของกลุ่ม non-bank ลงจากสมมติฐานเดิมประมาณ 15% โดยเราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายที่อิงจากประมาณการกำไรเฉลี่ยสองปี และ PE ใหม่ที่ 16.5x (ลดงงจากเดิมที่ 20x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าใหม่ที่ 27 บาท (จากเดิมที่ 30.50 บาท) และยังคงคำแนะนำซื้อ”