KLINIQ ฉุดไม่อยู่! สบช่องลูกค้าไทย-เทศทะลัก ประกาศอัพเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มเป็น 13 สาขา “นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์” ซีอีโอ เผย ครึ่งปีแรกขยายสาขาแล้ว 5 สาขา ครึ่งปีหลังพร้อมเดินหน้าขยายสาขาใหม่อีก 8 สาขา จากเป้าหมายเดิม 5 สาขา หวังสร้างการเติบโตแข็งแกร่ง ยั่งยืน ทั้งมีลุ้นผลประกอบการตลอดปี 2566 เติบโตแบบ All Time High ส่วน 14 ก.ย. 66 ผู้ถือหุ้นได้เฮ! รับเงินปันผลหุ้นละ 0.55 บาท กำหนด XD วันที่ 29 ส.ค.นี้
![KLINIQ อัพเป้าขยายสาขาใหม่ 13 สาขา.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/230823/KLINIQ%20%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%2013%20%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2.jpg)
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ กล่าวว่า KLINIQ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ในครึ่งปีหลังของปี 2566 โดยเพิ่มเป้าหมายการขยายสาขาใหม่ จากเดิมที่จะเปิด 5 สาขา ได้เพิ่มเป็น 8 สาขา หลังพบว่าตลอดครึ่งปีแรกนี้มีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ทั้งลูกค้าในประเทศไทยและลูกค้าต่างประเทศทั่วโลก
โดยในครึ่งปีแรก KLINIQ ได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้วจำนวน 5 สาขา ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีสาขาที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น จำนวน 46 สาขา ประกอบด้วย THE KLINIQUE 37 สาขา, L.A.B.X 7 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER 1 สาขา และ KLINIQ SPA 1 สาขา โดยสาขาเดอะมอลล์บางแค และเดอะมอลล์บางกะปิ อยู่ระหว่างการปิดปรับปรุงศูนย์การค้าตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคม 2566
“KLINIQ มีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นมากในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนสาขา การเพิ่มบริการที่ครอบคลุมความต้องการของคนไข้ และการเข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น การทำตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้คนไข้รู้จักและเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น รวมทั้งการเดินทางของนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นจากการคลี่คลายของสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น บวกกับการเติบโตของศูนย์ศัลยกรรม และแบรนด์ L.A.B.X ที่ทำให้ขยายฐานลูกค้าออกไป ช่วยผลักดันให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายแพทย์อภิรุจ กล่าว
นายแพทย์อภิรุจ กล่าวด้วยว่า ในครึ่งปีหลัง KLINIQ นอกจากจะปรับยุทธศาสตร์การขยายสาขาในปีนี้เพิ่มเป็น 13 สาขา จากเป้าหมายเดิม 10 สาขาแล้ว ยังได้เร่งจัดเตรียมความพร้อมเปิดห้องผ่าตัดเพิ่มเติม เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการศูนย์ศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการให้บริการกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2565 เพื่อสร้างรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน และคาดว่าผลประกอบการปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง และมีโอกาสทำ All Time High
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก KLINIQ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 139.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.41% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 100.21 ล้านบาท และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยจ่ายเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท กำหนดวันไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 สิงหาคม 2566 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล 14 กันยายน 2566
![KLINIQ อัพเป้าขยายสาขาใหม่ 13 สาขา.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/230823/KLINIQ%20%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%2013%20%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2.jpg)
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ กล่าวว่า KLINIQ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ในครึ่งปีหลังของปี 2566 โดยเพิ่มเป้าหมายการขยายสาขาใหม่ จากเดิมที่จะเปิด 5 สาขา ได้เพิ่มเป็น 8 สาขา หลังพบว่าตลอดครึ่งปีแรกนี้มีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ทั้งลูกค้าในประเทศไทยและลูกค้าต่างประเทศทั่วโลก
โดยในครึ่งปีแรก KLINIQ ได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้วจำนวน 5 สาขา ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีสาขาที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น จำนวน 46 สาขา ประกอบด้วย THE KLINIQUE 37 สาขา, L.A.B.X 7 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER 1 สาขา และ KLINIQ SPA 1 สาขา โดยสาขาเดอะมอลล์บางแค และเดอะมอลล์บางกะปิ อยู่ระหว่างการปิดปรับปรุงศูนย์การค้าตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคม 2566
“KLINIQ มีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นมากในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนสาขา การเพิ่มบริการที่ครอบคลุมความต้องการของคนไข้ และการเข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น การทำตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้คนไข้รู้จักและเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น รวมทั้งการเดินทางของนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นจากการคลี่คลายของสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น บวกกับการเติบโตของศูนย์ศัลยกรรม และแบรนด์ L.A.B.X ที่ทำให้ขยายฐานลูกค้าออกไป ช่วยผลักดันให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายแพทย์อภิรุจ กล่าว
นายแพทย์อภิรุจ กล่าวด้วยว่า ในครึ่งปีหลัง KLINIQ นอกจากจะปรับยุทธศาสตร์การขยายสาขาในปีนี้เพิ่มเป็น 13 สาขา จากเป้าหมายเดิม 10 สาขาแล้ว ยังได้เร่งจัดเตรียมความพร้อมเปิดห้องผ่าตัดเพิ่มเติม เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการศูนย์ศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการให้บริการกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2565 เพื่อสร้างรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน และคาดว่าผลประกอบการปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง และมีโอกาสทำ All Time High
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก KLINIQ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 139.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.41% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 100.21 ล้านบาท และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยจ่ายเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท กำหนดวันไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 สิงหาคม 2566 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล 14 กันยายน 2566