บล.กสิกรไทย คาดตลาดหุ้นจะยังปรับเพิ่มขึ้นหลังเลือกตั้งหนุนจากการเปลี่ยนถ่ายทางการเมืองที่ราบรื่น/นโยบายที่กระตุ้นการเติบโต คงเป้า SET Index สิ้นปี 66 เดิมที่ 1,666 จุด
คาดจะเห็นกระแสเงินไหลกลับจากต่างชาติหลังมูลค่าขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1.31 แสนลบ. YTD และจำนวนสัญญาใน SET50 index futures ลดลง 168,489
คาดกลุ่มผู้เล่นในประเทศจะทำผลงานได้ดี หุ้นเด่นรายเดือนของบล.กสิกรไทย คือ AEONTS, BBL, COM7, TRUE, MAJOR, GLOBAL, AMATA, MINT, SNNP และ CPN
Investment Highlights
คงแนวโน้มเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยด้วยเป้า SET Index สิ้นปี 2566 ที่ 1,666 จุด ตลาดหุ้นไทย (-7% YTD) เคลื่อนไหวช้ากว่าตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCI ACWI +11% YTD) อยู่ 18% จาก GDP และกำไรของกลุ่มธุรกิจที่อ่อนแอหลังเปิดประเทศจากสถานการณ์โควิด-19และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง/การประท้วง/นโยบายที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ บล.กสิกรไทย เชื่อว่าปัจจัยลบทั้งหมดดังกล่าวจะบรรเทาลงในอนาคตอันใกล้นี้
คาดว่า GDP ของไทยในครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตขึ้น 3.5-4.0% เพิ่มขึ้นจากที่ 2.2% ในครึ่งปีแรกหนุนจากการบริโภคของภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นและการส่งออกที่เติบโตขึ้นจาก GDP ทั่วโลกที่ดีขึ้น บล.กสิกรไทย คาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น 13% HoH และ 39% YoY มาอยู่ที่ 4.61 แสนลบ. ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักจากกลุ่มอาหาร พาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ การเงิน การแพทย์ ICT กระดาษ ปีโตรเคมี อสังหาฯ ขนส่งและสาธารณูปโภค
เมื่อวานนี้ รัฐสภาของไทยลงคะแนนเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทยซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของไทยเดินหน้าต่อหลังหยุดชะงักมากว่า 3 เดือน ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้วซึ่งส่งสัญญาณลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดงที่มีมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ
บล.กสิกรไทยคาดว่าการเปลี่ยนถ่ายทางการเมืองจะราบรื่นมากขึ้น และคาดว่ามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดการประท้วงเนื่องจากฝ่ายค้านต้องการใช้รัฐสภาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมากกว่าการประท้วงลงถนนจนเกิดความรุนแรง รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยพร้อมนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อตลาดคาดจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น
บล.กสิกรไทย คงเป้า SET Index สิ้นปี 2566 ตามเดิมที่ 1,666 จุด คำนวณด้วย EPS ปี 2567 ที่ 107 บาท และ PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 15.60 (+0.5SD) อ้างอิงจาก "หุ้น laggards จะฟื้นตัวขึ้นจากลมที่เปลี่ยนทิศ" หากเราปรับลด EPS ตาม Bloomberg Consensus เป็น 102.43บาท คาดเป้า SET Index จะลดลงเป็น 1,600 จุด
คาดจะเห็นกระแสเงินไหลเข้าจากต่างชาติกลับมาเข้ามายังตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิที่ 1.31 แสนลบ. YTD ในตลาดหุ้นไทยและจำนวนสัญญาใน SET50 index futures ลดลง 168,489 สัญญา YTD จากปัจจัยลบดังที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งส่งผลให้ SET Index ลดลง 7 YTD บล.กสิกรไทย คาดว่าสถานการณ์จะพลิกกลับและจะส่งผลให้ SET ออกมาจากตลาดที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในทวีปเอเชียในปีนี้ และพลิกกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นจากความคาดหวังถึงเรื่องการเติบโต YTD
คาดจะเห็นกระแสเงินไหลกลับจากต่างชาติหลังมูลค่าขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1.31 แสนลบ. YTD และจำนวนสัญญาใน SET50 index futures ลดลง 168,489
คาดกลุ่มผู้เล่นในประเทศจะทำผลงานได้ดี หุ้นเด่นรายเดือนของบล.กสิกรไทย คือ AEONTS, BBL, COM7, TRUE, MAJOR, GLOBAL, AMATA, MINT, SNNP และ CPN
Investment Highlights
คงแนวโน้มเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยด้วยเป้า SET Index สิ้นปี 2566 ที่ 1,666 จุด ตลาดหุ้นไทย (-7% YTD) เคลื่อนไหวช้ากว่าตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCI ACWI +11% YTD) อยู่ 18% จาก GDP และกำไรของกลุ่มธุรกิจที่อ่อนแอหลังเปิดประเทศจากสถานการณ์โควิด-19และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง/การประท้วง/นโยบายที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ บล.กสิกรไทย เชื่อว่าปัจจัยลบทั้งหมดดังกล่าวจะบรรเทาลงในอนาคตอันใกล้นี้
คาดว่า GDP ของไทยในครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตขึ้น 3.5-4.0% เพิ่มขึ้นจากที่ 2.2% ในครึ่งปีแรกหนุนจากการบริโภคของภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นและการส่งออกที่เติบโตขึ้นจาก GDP ทั่วโลกที่ดีขึ้น บล.กสิกรไทย คาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น 13% HoH และ 39% YoY มาอยู่ที่ 4.61 แสนลบ. ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักจากกลุ่มอาหาร พาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ การเงิน การแพทย์ ICT กระดาษ ปีโตรเคมี อสังหาฯ ขนส่งและสาธารณูปโภค
เมื่อวานนี้ รัฐสภาของไทยลงคะแนนเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทยซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของไทยเดินหน้าต่อหลังหยุดชะงักมากว่า 3 เดือน ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้วซึ่งส่งสัญญาณลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดงที่มีมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ
บล.กสิกรไทยคาดว่าการเปลี่ยนถ่ายทางการเมืองจะราบรื่นมากขึ้น และคาดว่ามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดการประท้วงเนื่องจากฝ่ายค้านต้องการใช้รัฐสภาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมากกว่าการประท้วงลงถนนจนเกิดความรุนแรง รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยพร้อมนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อตลาดคาดจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น
บล.กสิกรไทย คงเป้า SET Index สิ้นปี 2566 ตามเดิมที่ 1,666 จุด คำนวณด้วย EPS ปี 2567 ที่ 107 บาท และ PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 15.60 (+0.5SD) อ้างอิงจาก "หุ้น laggards จะฟื้นตัวขึ้นจากลมที่เปลี่ยนทิศ" หากเราปรับลด EPS ตาม Bloomberg Consensus เป็น 102.43บาท คาดเป้า SET Index จะลดลงเป็น 1,600 จุด
คาดจะเห็นกระแสเงินไหลเข้าจากต่างชาติกลับมาเข้ามายังตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิที่ 1.31 แสนลบ. YTD ในตลาดหุ้นไทยและจำนวนสัญญาใน SET50 index futures ลดลง 168,489 สัญญา YTD จากปัจจัยลบดังที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งส่งผลให้ SET Index ลดลง 7 YTD บล.กสิกรไทย คาดว่าสถานการณ์จะพลิกกลับและจะส่งผลให้ SET ออกมาจากตลาดที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในทวีปเอเชียในปีนี้ และพลิกกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นจากความคาดหวังถึงเรื่องการเติบโต YTD