Wealth Sharing

PSP พร้อมเข้าเทรดใน SET 30 ส.ค.นี้ มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่เติบโตสูง


28 สิงหาคม 2566
นายสินธุ์ ครองพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) (“PSP” หรือ“บริษัทฯ”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ โดยใช้ชื่อย่อหุ้น ‘PSP’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หลังจากประสบความสำเร็จในการนำเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 350 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.20 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ที่เชื่อมั่นในพื้นฐานการดำเนินธุรกิจของ PSP ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรของภูมิภาคอาเซียนและเป็นผู้ผลิตอิสระรายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีกำลังการผลิตและส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ (สำหรับปี 2564) รวมถึงการให้บริการที่ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่น และมีองค์ความรู้ด้านการวิจัยพัฒนาพร้อมห้องปฎิบัติการที่ทันสมัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรและการเติบโตสูง รองรับเมกะเทรนด์ของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่ง PSP อยู่ระหว่างการศึกษาและวิจัยผลิตภัณฑ์ น้ำมันเกียร์และจาระบีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ผลิตภัณฑ์หล่อเย็นสำหรับแบตเตอรี่รถไฟฟ้า (EV Cooling) ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) หรือจาระบี (Grease) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (Bio Transformer Oil) การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร (Food Grade) เป็นต้น

PSP พร้อมเข้าเทรดใน SET 30 ส.ค.นี้.jpg

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มุ่งบริหารจัดการต้นทุนและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งโรงงาน ให้สามารถรับประโยชน์สูงสุดจากกิจกรรมการผลิตในภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงลงทุนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน รองรับแผนรุกขยายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 25% ของรายได้จากการขายรวม ภายในปี 2569

ทั้งนี้ นอกจากผู้ถือหุ้นตามที่กำหนดซึ่งนำหุ้นจำนวนรวมกันเป็นจำนวนเท่ากับร้อยละ 55.0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO ถูกสั่งห้ามขายออกตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ นับแต่วันที่หุ้นของบริษัทฯ เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว เพื่อการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ยังได้สมัครใจจะไม่ขายหุ้นที่ถือและลงนามในสัญญาข้อจำกัดการโอนหุ้นสำหรับผู้ถือหุ้น (Lock-up Agreement) เป็นส่วนเพิ่มเติมจากหุ้นส่วนที่ถูกสั่งห้ามออกขายตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯ ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นจำนวน 177,100,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 12.65 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO นอกจากนี้ กลุ่มผู้ซื้อที่ซื้อหุ้นจากครอบครัวติงธนาธิกุล ณ วันที่หุ้นของบริษัทฯ ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก ตกลงจะไม่ขายหุ้นที่ถือ และลงนามในสัญญาข้อจำกัดการโอนหุ้นสำหรับผู้ถือหุ้น (Lock-up Agreement) เป็นระยะเวลา 1 เดือน นับจากวันซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นจำนวน 102,900,000 หุ้น คิดเป็น ร้อยละ 7.35 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลัง IPO รวมทั้ง กรรมการ และ/หรือผู้บริหารของบริษัทฯ ที่ได้รับจัดสรรหุ้นในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้มีแนวทางในการจะไม่โอน ขาย หรือจำหน่ายให้แก่บุคคลใด ๆ ในระยะเวลา 1 เดือนนับจากวันที่เริ่มทำการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทุกคนอีกด้วย

นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า PSP เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโมเดลการผลิตและให้บริการด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร ตลอดจนการนำความสามารถด้านการวิจัยพัฒนาที่แข็งแกร่ง มาสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีอัตรากำไรที่ดี สอดรับกับการเติบโตของเทรนด์ของอุตสาหกรรม พร้อมการบริหารจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตที่ดี

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า PSP มีศักยภาพการเติบโตที่ดีจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมธุรกิจตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสามารถใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันทุกมิติในการสร้างการเติบโตไปกับกระแสการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable) และมุ่งเน้นธุรกิจในอนาคตที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม (New S-Curve) เพื่อส่งเสริมความสามารถการทำกำไรและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง
PSP