PSP เปิดเทรดวันแรกคึกคัก บวก 51% จากราคาไอพีโอ แถมวิ่งไปสูงสุดถึง 94% ผู้บริหารสุดปลื้ม มองสะท้อนความเชื่อมั่นพื้นฐานมีแนวโน้มเติบโตยั่งยืนระยะยาว เตรียมนำเงินลุยขยายธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้ปี 67-69 โตไม่ต่ำกว่าปีละ 20%
![PSP ปลื้ม เทรดวันแรกไปได้สวย.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/310823/PSP%20%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%A1%20%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2.jpg)
นายสินธุ์ ครองพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP เปิดเผยว่า ยินดีกับกระแสตอบรับของนักลงทุนในการนำหุ้นไอพีโอเข้าซื้อขายวันแรก สะท้อนความเชื่อมั่นต่อพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว หลังจากช่วงจองซื้อที่ผ่านมามีดีมานด์หุ้นไอพีโอมากกว่าจำนวนที่เสนอขาย
ทั้งนี้ บริษัทจะสร้างการเติบโตเป็นไปอย่างยั่งยืนตามที่แผนการดำเนินงานและพร้อมกับนำเงินที่ได้จากการไอพีโอไปลงทุนในโรงงานของบริษัท เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจากการเข้าลงทุนซื้อ U.C. Marketing และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจต่อไป
สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีข้าง (2567-2569) บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 20% ต่อปี ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบไปด้วย การเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร, น้ำมันเอนกประสงค์, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์น้ำมันหม้อแปลงชีวภาพ
ขณะเดียวกันบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรและมีการเติบโตสูง เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้เป็น 25% ของรายได้จากการขายรวม ภายในปี 69 ด้วยแผนการรุกขยายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในตลาดต่างประเทศ
นอกจากนี้จะมีการขยายธุรกิจผ่านการลงทุนในรูปแบบการซื้อกิจการ ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมให้ครอบคลุมธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Sustainable Solution รวมถึงธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมในอนาคตที่เน้นการใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (New S-Curve)
PSP เปิดการซื้อขายวันแรกที่ 9.4 บาท เพิ่มขึ้น 51% จากราคาไอพีโอที่ 6.2 บาท และราคาขึ้นไปสูงสุดถึง 12 บาท หรือเพิ่มขึ้น 94% จากราคาไอพีโอ โดยปิดตลาดภาคเช้าวันนี้ที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้น 64.52% จากราคาไอพีโอ มูลค่าการซื้อขายรวม 1,323.67 ล้านบาท
![PSP ปลื้ม เทรดวันแรกไปได้สวย.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/310823/PSP%20%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%A1%20%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2.jpg)
นายสินธุ์ ครองพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP เปิดเผยว่า ยินดีกับกระแสตอบรับของนักลงทุนในการนำหุ้นไอพีโอเข้าซื้อขายวันแรก สะท้อนความเชื่อมั่นต่อพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว หลังจากช่วงจองซื้อที่ผ่านมามีดีมานด์หุ้นไอพีโอมากกว่าจำนวนที่เสนอขาย
ทั้งนี้ บริษัทจะสร้างการเติบโตเป็นไปอย่างยั่งยืนตามที่แผนการดำเนินงานและพร้อมกับนำเงินที่ได้จากการไอพีโอไปลงทุนในโรงงานของบริษัท เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจากการเข้าลงทุนซื้อ U.C. Marketing และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจต่อไป
สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีข้าง (2567-2569) บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 20% ต่อปี ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบไปด้วย การเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร, น้ำมันเอนกประสงค์, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์น้ำมันหม้อแปลงชีวภาพ
ขณะเดียวกันบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรและมีการเติบโตสูง เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้เป็น 25% ของรายได้จากการขายรวม ภายในปี 69 ด้วยแผนการรุกขยายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในตลาดต่างประเทศ
นอกจากนี้จะมีการขยายธุรกิจผ่านการลงทุนในรูปแบบการซื้อกิจการ ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมให้ครอบคลุมธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Sustainable Solution รวมถึงธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมในอนาคตที่เน้นการใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (New S-Curve)
PSP เปิดการซื้อขายวันแรกที่ 9.4 บาท เพิ่มขึ้น 51% จากราคาไอพีโอที่ 6.2 บาท และราคาขึ้นไปสูงสุดถึง 12 บาท หรือเพิ่มขึ้น 94% จากราคาไอพีโอ โดยปิดตลาดภาคเช้าวันนี้ที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้น 64.52% จากราคาไอพีโอ มูลค่าการซื้อขายรวม 1,323.67 ล้านบาท