จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : “ธุรกิจในปท. high season-รับรู้รายได้ตปท.” ปัจจัยหนุน PRM เติบโตครึ่งปีหลัง
01 กันยายน 2566
“ธุรกิจเรือขนส่งในประเทศที่เข้าสู่ช่วง high season เรือ Aframax ที่ให้บริการเดือน เม.ย. รับรู้เต็มไตรมาส ธุรกิจ Offshore เรือให้บริการครบและคาดมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ FSU 1 ลำ” 4 ปัจจัย หนุนผลงาน บมจ. พริมา มารีน (PRM) ครึ่งปีหลัง
บล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้นบมจ. พริมา มารีน (PRM) จากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยระบุว่าบริษัทมั่นใจต่อการเติบโตในครึ่งปีหลังที่คาดจะเติบโตขึ้น HoH จากแนวโน้มในแต่ละธุรกิจและการเพิ่มกองเรือ ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังต่อไปนี้
ธุรกิจเรือขนส่งขนาดเล็กเติบโตมากขึ้น
: เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทสัดส่วน 40% คาดจะเติบโตมากขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดจะได้อานิสงส์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ และบริษัทมีแผนขยายกองเรือมากขึ้นจาก 40 ลำเป็น 41 ลำ โดยจะเพิ่มเรือขนส่งเคมีอีก 1 ลำ คาดจะได้รับมอบใน ต.ค. นี้ ซึ่งยังคงเน้นการขยายกองเรือเคมีจากเห็นแนวโน้มการเติบโตขอผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และในธุรกิจนี้ บริษัทมีรูปแบบการให้บริการลูกค้าแบบ Time Charter
ธุรกิจ FSU คาดทรงตัว
: สำหรับแผนในระยะยาว บริษัทคงมองว่าธุรกิจนี้ จะมีสัดส่วนรายได้อันดับ 2 โดยแนวโน้มใน 3Q23-4Q23 บริษัทคาดรายได้จะอยู่ระดับทรงตัว HoH จากการ ปรับกองเรือลงและมีแผนการขายเรือ Crystal star ทำให้เรือลดลงมาอยู่ที่ 5 ลำ จาก 6 ลำ ในต้นปี ในขณะที่ยังไม่มีแผนการเพิ่มกองเรือเนื่องจากต้นทุนเรือที่ยังคงอยู่ระดับสูง
ธุรกิจ Offshore เพิ่มเรือในครึ่งปีหลัง
: คาดรายได้จะเติบโตมากขึ้น และเป็นธุรกิจที่บริษัทผลักดัน (ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 6%) เนื่องจากบริษัทมองแนวโน้มกิจกรรมสำรวจและขุดเจาะในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตและขุดเจาะของลูกค้า ทำให้บริษัทมีแผนเพิ่มกองเรืออีก 2 ลำ ที่จะทยอยเข้ามา โดยลำแรกใน พ.ย. 23 และลำที่ 2 ใน ก.พ. 24 นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มเรือประเภทอื่นๆ และขยายไปยังต่างประเทศ
ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศมั่นคง
: ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพิ่มมาที่ 22% ยังเป็นธุรกิจเด่นของบริษัท เก็บเกี่ยวผลจากการลงทุนที่ผ่านมา บริษัทคาดแนวโน้มดีขึ้น HoH จากเรือให้บริการเต็มไตรมาส ทั้ง VLCC และ Aframax และจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนจากสัญญาระยะยาวกับลูกค้า
รามองว่าผลประกอบการ 2Q23 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดผลประกอบการเพิ่มขึ้น QoQ ใน 3Q-4Q23F จาก
1) ธุรกิจเรือขนส่งในประเทศที่เข้าสู่ช่วง high season ในปลายปี รวมกับแผนการเพิ่มกองเรือเคมี1 ลำ
2) ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ เรือ Aframax ที่เริ่มให้บริการใน เม.ย. รับรู้เต็มไตรมาส
3) ธุรกิจ Offshore เรือให้บริการครบ (1 AWB + 13 Crew Boat) และผลจากการเพิ่มเรือ 1 ลำ
4) คาดมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ FSU 1 ลำที่คาดจะบันทึกใน 3Q23F
ดังนั้นเราคาดผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น HoH โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 10 บาท อิงจาก PER 15 เท่า 2023F ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน
บล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้นบมจ. พริมา มารีน (PRM) จากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยระบุว่าบริษัทมั่นใจต่อการเติบโตในครึ่งปีหลังที่คาดจะเติบโตขึ้น HoH จากแนวโน้มในแต่ละธุรกิจและการเพิ่มกองเรือ ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังต่อไปนี้
ธุรกิจเรือขนส่งขนาดเล็กเติบโตมากขึ้น
: เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทสัดส่วน 40% คาดจะเติบโตมากขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดจะได้อานิสงส์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ และบริษัทมีแผนขยายกองเรือมากขึ้นจาก 40 ลำเป็น 41 ลำ โดยจะเพิ่มเรือขนส่งเคมีอีก 1 ลำ คาดจะได้รับมอบใน ต.ค. นี้ ซึ่งยังคงเน้นการขยายกองเรือเคมีจากเห็นแนวโน้มการเติบโตขอผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และในธุรกิจนี้ บริษัทมีรูปแบบการให้บริการลูกค้าแบบ Time Charter
ธุรกิจ FSU คาดทรงตัว
: สำหรับแผนในระยะยาว บริษัทคงมองว่าธุรกิจนี้ จะมีสัดส่วนรายได้อันดับ 2 โดยแนวโน้มใน 3Q23-4Q23 บริษัทคาดรายได้จะอยู่ระดับทรงตัว HoH จากการ ปรับกองเรือลงและมีแผนการขายเรือ Crystal star ทำให้เรือลดลงมาอยู่ที่ 5 ลำ จาก 6 ลำ ในต้นปี ในขณะที่ยังไม่มีแผนการเพิ่มกองเรือเนื่องจากต้นทุนเรือที่ยังคงอยู่ระดับสูง
ธุรกิจ Offshore เพิ่มเรือในครึ่งปีหลัง
: คาดรายได้จะเติบโตมากขึ้น และเป็นธุรกิจที่บริษัทผลักดัน (ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 6%) เนื่องจากบริษัทมองแนวโน้มกิจกรรมสำรวจและขุดเจาะในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตและขุดเจาะของลูกค้า ทำให้บริษัทมีแผนเพิ่มกองเรืออีก 2 ลำ ที่จะทยอยเข้ามา โดยลำแรกใน พ.ย. 23 และลำที่ 2 ใน ก.พ. 24 นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มเรือประเภทอื่นๆ และขยายไปยังต่างประเทศ
ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศมั่นคง
: ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพิ่มมาที่ 22% ยังเป็นธุรกิจเด่นของบริษัท เก็บเกี่ยวผลจากการลงทุนที่ผ่านมา บริษัทคาดแนวโน้มดีขึ้น HoH จากเรือให้บริการเต็มไตรมาส ทั้ง VLCC และ Aframax และจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนจากสัญญาระยะยาวกับลูกค้า
รามองว่าผลประกอบการ 2Q23 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดผลประกอบการเพิ่มขึ้น QoQ ใน 3Q-4Q23F จาก
1) ธุรกิจเรือขนส่งในประเทศที่เข้าสู่ช่วง high season ในปลายปี รวมกับแผนการเพิ่มกองเรือเคมี1 ลำ
2) ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ เรือ Aframax ที่เริ่มให้บริการใน เม.ย. รับรู้เต็มไตรมาส
3) ธุรกิจ Offshore เรือให้บริการครบ (1 AWB + 13 Crew Boat) และผลจากการเพิ่มเรือ 1 ลำ
4) คาดมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ FSU 1 ลำที่คาดจะบันทึกใน 3Q23F
ดังนั้นเราคาดผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น HoH โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 10 บาท อิงจาก PER 15 เท่า 2023F ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน