นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ (“บริษัทฯ” หรือ “JPARK”) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล หรือไฟลิ่งของ JPARK เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หรือพาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละไม่เกิน 27.50 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ รวมเป็นทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เพื่อจะนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
นายสุพล ค้าพลอยดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “JPARK”) เปิดเผยว่า JPARK มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่จอดรถมามากกว่า 20 ปี สามารถนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละประเภทได้อย่างครบวงจร ซึ่งภายหลังจากการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จะผลักดันให้สามารถขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต ด้วยทีมงานที่มีความพร้อมและประสบการณ์ รวมถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารพื้นที่จอดรถ โดยแบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลักคือ 1.ธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (Parking Service Business: PS) 2.ธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Parking Management Service Business: PMS) และ 3.ธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Consultant and Installation Parking System Business: CIPS) โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีช่องจอดภายใต้การดูแลกว่า 28,000 ช่องจอด โดยมีทั้งบริเวณจุดเชื่อมต่อ-จุดเปลี่ยนผ่านกับระบบรถไฟฟ้า ศูนย์การค้าแหล่ง CBD บริเวณโรงพยาบาล สถานศึกษา สนามบิน ซึ่งพื้นที่ให้บริการส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดยภายหลังจากการระดมทุน JPARK มีแผนที่จะลงทุนขยายโครงการอาคารจอดรถโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจำนวน 6 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 532 คัน และรองรับรถจักรยานยนต์ได้ 72 คัน โดยมีพื้นที่ใช้สอย 18,242 ตารางเมตร พื้นที่พาณิชย์ 2,049 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในกลางปี 2567 รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอเดินหน้าไปอีกก้าว ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจบริษัทให้แข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราทุ่มเททำงานเพื่อให้บริการ ด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ ซึ่งภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ เราจะสามารถเสริมศักยภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการให้บริการ รวมถึงบริหารพื้นที่จอดรถด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” นายสันติพลกล่าว
ในขณะที่ผลประกอบการของ JPARK ในปี 2563-2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 286.17 ล้านบาท 243.61 ล้านบาท และ 455.09 ล้านบาทตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 6.51 ล้านบาท ขาดทุน 10.99 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 55.05 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในช่วงปี 2563 จนถึงกลางปี 2565 รายได้และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่ำกว่าช่วงเวลาปกติ เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown จากสถานการณ์ COVID-19 จึงส่งผลให้รายได้จากธุรกิจให้บริการที่จอดรถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปี 2565 เมื่อสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายลง ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ และธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมในปี 2565 บริษัทมีรายได้ และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
นายสุพล ค้าพลอยดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “JPARK”) เปิดเผยว่า JPARK มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่จอดรถมามากกว่า 20 ปี สามารถนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละประเภทได้อย่างครบวงจร ซึ่งภายหลังจากการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จะผลักดันให้สามารถขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต ด้วยทีมงานที่มีความพร้อมและประสบการณ์ รวมถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารพื้นที่จอดรถ โดยแบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลักคือ 1.ธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (Parking Service Business: PS) 2.ธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Parking Management Service Business: PMS) และ 3.ธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Consultant and Installation Parking System Business: CIPS) โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีช่องจอดภายใต้การดูแลกว่า 28,000 ช่องจอด โดยมีทั้งบริเวณจุดเชื่อมต่อ-จุดเปลี่ยนผ่านกับระบบรถไฟฟ้า ศูนย์การค้าแหล่ง CBD บริเวณโรงพยาบาล สถานศึกษา สนามบิน ซึ่งพื้นที่ให้บริการส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดยภายหลังจากการระดมทุน JPARK มีแผนที่จะลงทุนขยายโครงการอาคารจอดรถโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจำนวน 6 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 532 คัน และรองรับรถจักรยานยนต์ได้ 72 คัน โดยมีพื้นที่ใช้สอย 18,242 ตารางเมตร พื้นที่พาณิชย์ 2,049 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในกลางปี 2567 รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอเดินหน้าไปอีกก้าว ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจบริษัทให้แข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราทุ่มเททำงานเพื่อให้บริการ ด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ ซึ่งภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ เราจะสามารถเสริมศักยภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการให้บริการ รวมถึงบริหารพื้นที่จอดรถด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” นายสันติพลกล่าว
ในขณะที่ผลประกอบการของ JPARK ในปี 2563-2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 286.17 ล้านบาท 243.61 ล้านบาท และ 455.09 ล้านบาทตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 6.51 ล้านบาท ขาดทุน 10.99 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 55.05 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในช่วงปี 2563 จนถึงกลางปี 2565 รายได้และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่ำกว่าช่วงเวลาปกติ เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown จากสถานการณ์ COVID-19 จึงส่งผลให้รายได้จากธุรกิจให้บริการที่จอดรถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปี 2565 เมื่อสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายลง ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ และธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมในปี 2565 บริษัทมีรายได้ และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น