จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : PRM ครึ่งปีหลังเติบโตแข็งแกร่ง ขนส่งน้ำมันพุ่ง“กิจกรรมเดินทาง-การท่องเที่ยว”
04 กันยายน 2566
รัฐบาลเตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวดึงรายได้เข้าประเทศ หนุนการใช้น้ำมัน กระตุ้นผลงาน บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM บริษัทขนส่งน้ำมันทางเรือ ผลงานครึ่งปีหลังเติบโตแข็แกร่ง บล.ทิสโก้แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 10 บาท
รัฐบาลมีแนวคิดที่จะกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ผ่านนโยบาย Free visa ซึ่งเป็นมาตรการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ โดยเป็นมาตรการยกเว้นการขอวีซ่า เป็นการชั่วคราวในช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการให้ได้ 1 ต.ค. นี้ การเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อการใช้น้ำมันในประเทศและผลงานบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ที่ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ
ซึ่งบล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้น PRM โดยระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ บริษัทมั่นใจต่อการเติบโตในครึ่งปีหลังที่คาดจะเติบโตขึ้น HoH จากแนวโน้มในแต่ละธุรกิจและการเพิ่มกองเรือ ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังต่อไปนี้
ธุรกิจเรือขนส่งขนาดเล็กเติบโตมากขึ้น : เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทสัดส่วน 40% คาดจะเติบโตมากขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดจะได้อานิสงส์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ และบริษัทมีแผนขยายกองเรือมากขึ้นจาก 40 ลำเป็น 41 ลำ โดยจะเพิ่มเรือขนส่งเคมีอีก 1 ลำ คาดจะได้รับมอบใน ต.ค. นี้ ซึ่งยังคงเน้นการขยายกองเรือเคมีจากเห็นแนวโน้มการเติบโตขอผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และในธุรกิจนี้ บริษัทมีรูปแบบการให้บริการลูกค้าแบบ Time Charter
ธุรกิจ FSU คาดทรงตัว: สำหรับแผนในระยะยาว บริษัทคงมองว่าธุรกิจนี้ จะมีสัดส่วนรายได้อันดับ 2 โดยแนวโน้มใน 3Q23-4Q23 บริษัทคาดรายได้จะอยู่ระดับทรงตัว HoH จากการปรับกองเรือลงและมีแผนการขายเรือ Crystal star ทำให้เรือลดลงมาอยู่ที่ 5 ลำจาก 6 ลำในต้นปี ในขณะที่ยังไม่มีแผนการเพิ่มกองเรือเนื่องจากต้นทุนเรือที่ยังคงอยู่ระดับสูง
ธุรกิจ Offshore เพิ่มเรือในครึ่งปีหลัง: คาดรายได้จะเติบโตมากขึ้น และเป็นธุรกิจที่บริษัทผลักดัน (ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 6%) เนื่องจากบริษัทมองแนวโน้มกิจกรรมสำรวจและขุดเจาะในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตและขุดเจาะของลูกค้า ทำให้บริษัทมีแผนเพิ่มกองเรืออีก 2 ลำที่จะทยอยเข้ามา โดยลำแรกใน พ.ย. 23 และลำที่ 2 ใน ก.พ. 24 นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มเรือประเภทอื่นๆ และขยายไปยังต่างประเทศ
ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศมั่นคง: ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพิ่มมาที่ 22% ยังเป็นธุรกิจเด่นของบริษัท เก็บเกี่ยวผลจากการลงทุนที่ผ่านมา บริษัทคาดแนวโน้มดีขึ้น HoH จากเรือให้บริการเต็มไตรมาส ทั้ง VLCC และ Aframax และจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอไม่ผันผวนจากสัญญาระยะยาวกับลูกค้า
คาด 2H23F มีแนวโน้มดีขึ้น HoH
เรามองว่าผลประกอบการ 2Q23 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดผลประกอบการเพิ่มขึ้น QoQ ใน 3Q-4Q23F จาก
1) ธุรกิจเรือขนส่งในประเทศที่เข้าสู่ช่วง high season ในปลายปี รวมกับแผนการเพิ่มกองเรือเคมี1 ลำ
2) ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ เรือ Aframax ที่เริ่มให้บริการใน เม.ย. รับรู้เต็มไตรมาส
3) ธุรกิจ Offshore เรือให้บริการครบ (1 AWB + 13 Crew Boat) และผลจากการเพิ่มเรือ 1 ลำ
4) คาดมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ FSU 1 ลำที่คาดจะบันทึกใน 3Q23F ดังนั้น เราคาดผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น HoH
โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 10 บาท อิงจาก PER 15 เท่า 2023F ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน
รัฐบาลมีแนวคิดที่จะกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ผ่านนโยบาย Free visa ซึ่งเป็นมาตรการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ โดยเป็นมาตรการยกเว้นการขอวีซ่า เป็นการชั่วคราวในช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการให้ได้ 1 ต.ค. นี้ การเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อการใช้น้ำมันในประเทศและผลงานบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ที่ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ
ซึ่งบล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้น PRM โดยระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ บริษัทมั่นใจต่อการเติบโตในครึ่งปีหลังที่คาดจะเติบโตขึ้น HoH จากแนวโน้มในแต่ละธุรกิจและการเพิ่มกองเรือ ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังต่อไปนี้
ธุรกิจเรือขนส่งขนาดเล็กเติบโตมากขึ้น : เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทสัดส่วน 40% คาดจะเติบโตมากขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดจะได้อานิสงส์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ และบริษัทมีแผนขยายกองเรือมากขึ้นจาก 40 ลำเป็น 41 ลำ โดยจะเพิ่มเรือขนส่งเคมีอีก 1 ลำ คาดจะได้รับมอบใน ต.ค. นี้ ซึ่งยังคงเน้นการขยายกองเรือเคมีจากเห็นแนวโน้มการเติบโตขอผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และในธุรกิจนี้ บริษัทมีรูปแบบการให้บริการลูกค้าแบบ Time Charter
ธุรกิจ FSU คาดทรงตัว: สำหรับแผนในระยะยาว บริษัทคงมองว่าธุรกิจนี้ จะมีสัดส่วนรายได้อันดับ 2 โดยแนวโน้มใน 3Q23-4Q23 บริษัทคาดรายได้จะอยู่ระดับทรงตัว HoH จากการปรับกองเรือลงและมีแผนการขายเรือ Crystal star ทำให้เรือลดลงมาอยู่ที่ 5 ลำจาก 6 ลำในต้นปี ในขณะที่ยังไม่มีแผนการเพิ่มกองเรือเนื่องจากต้นทุนเรือที่ยังคงอยู่ระดับสูง
ธุรกิจ Offshore เพิ่มเรือในครึ่งปีหลัง: คาดรายได้จะเติบโตมากขึ้น และเป็นธุรกิจที่บริษัทผลักดัน (ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 6%) เนื่องจากบริษัทมองแนวโน้มกิจกรรมสำรวจและขุดเจาะในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตและขุดเจาะของลูกค้า ทำให้บริษัทมีแผนเพิ่มกองเรืออีก 2 ลำที่จะทยอยเข้ามา โดยลำแรกใน พ.ย. 23 และลำที่ 2 ใน ก.พ. 24 นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มเรือประเภทอื่นๆ และขยายไปยังต่างประเทศ
ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศมั่นคง: ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพิ่มมาที่ 22% ยังเป็นธุรกิจเด่นของบริษัท เก็บเกี่ยวผลจากการลงทุนที่ผ่านมา บริษัทคาดแนวโน้มดีขึ้น HoH จากเรือให้บริการเต็มไตรมาส ทั้ง VLCC และ Aframax และจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอไม่ผันผวนจากสัญญาระยะยาวกับลูกค้า
คาด 2H23F มีแนวโน้มดีขึ้น HoH
เรามองว่าผลประกอบการ 2Q23 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดผลประกอบการเพิ่มขึ้น QoQ ใน 3Q-4Q23F จาก
1) ธุรกิจเรือขนส่งในประเทศที่เข้าสู่ช่วง high season ในปลายปี รวมกับแผนการเพิ่มกองเรือเคมี1 ลำ
2) ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ เรือ Aframax ที่เริ่มให้บริการใน เม.ย. รับรู้เต็มไตรมาส
3) ธุรกิจ Offshore เรือให้บริการครบ (1 AWB + 13 Crew Boat) และผลจากการเพิ่มเรือ 1 ลำ
4) คาดมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ FSU 1 ลำที่คาดจะบันทึกใน 3Q23F ดังนั้น เราคาดผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น HoH
โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 10 บาท อิงจาก PER 15 เท่า 2023F ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน