สิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Jerome Powell พูดในงาน Jackson Hole เน้นย้ำถึงการต่อสู้ของธนาคารกลางในการจัดการภาวะเงินเฟ้อว่า “การนำทางโดยดวงดาวใต้ท้องฟ้าที่มีเมฆปกคลุม” บรรยายถึงความไม่แน่นอน ท่ามกลางข้อมูลที่ขัดแย้งและความท้าทายทางเศรษฐกิจ
โดย Powell รับทราบถึงความยากลำบากในการสร้างสมดุลของนโยบายการเงิน และการจัดการความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็ยังคงยืนยันความจำเป็นในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงอยู่ โดยอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 2% นอกจากเรื่องนโยบายการเงินที่กล่าวข้างต้นแล้ว Powell ยังได้กล่าวถึง อัตราแรงงาน รถยนต์และที่อยู่อาศัย ซึ่งชี้ไปที่การเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อที่ซับซ้อนมาก ๆ แสดงให้เห็นว่า FED ใช้ฐานข้อมูลรายเดือน และรายไตรมาส ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินตามที่เคยกล่าวเอาไว้ ดังนั้นนักลงทุนจึงควรจับตาตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต่อเดือน
นายภาณุวิชญ์ ไทยานนท์ ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนในเดือนกันยายน ดังนี้..
Digital Asset: Grayscale for the win
Grayscale ผู้จัดการกองทุน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ได้รับชัยชนะในคดีที่มีต่อ ก.ล.ต. สหรัฐในอเมริกา (US SEC) โดยศาลได้ตัดสินให้ US SEC ต้องทบทวนการปฏิเสธของ Grayscale ในการพยายามแปลง GBTC เป็น ETF ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากคำสั่งตัดสิน Ripple เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องจับตามองจากการตัดสินของศาลนี้ คือการเตรียมพร้อมสำหรับการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF และอาจมีโอกาสที่ SEC อนุมัติคำขอ ETF หลายรายที่กำลังขอเข้ามาในเดือนที่จะถึงนี้
มุมมองการลงทุนในเดือนกันยายนตามสถิติแล้วนั้นจะเป็นเดือนที่ได้ฉายาว่า “กันยาสีแดง” ซึ่งตลาดมีแนวโน้มจะพักตัวและมีการเทขายเพราะว่าปิดไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม มองว่าตัวเลขภาคแรงงานของประเทศอเมริกาที่ออกมาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเริ่มอ่อนตัวลงแล้ว ปัจจัยนี้อาจสามารถทำให้ FED พิจารณาไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงไปต่อ บวกกับปัจจัยในตลาดคริปโทฯ ช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมจะมีวันตัดสินการอนุมัติเปิด Bitcoin Spot ETF ของหลาย ๆ บริษัทต่อ US SEC
ทั้งนี้ มองว่ามีโอกาสที่จะได้เห็นตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลวิ่งแรงกว่าตลาดหุ้น หากมีการอนุมัติเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ แต่หากมีการปฏิเสธอาจจะทำให้ราคา Bitcoin ถูกเทขายตามข่าวเล็กน้อย อย่างไรก็ตามบริษัทต่าง ๆ ยังมีเวลาที่จะขอยื่นใหม่ได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดเวลาในเดือนมีนาคม 2567 ดังนั้นการพิจารณาเข้าลงทุนในช่วงนี้ถือว่ามี Risk Ratio ค่อนข้างคุ้มค่า โดยมีอัตราส่วน Bitcoin MVRV ratio อยู่ที่ 1.37 (ข้อมูลจาก Glassnode ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566) และควรเน้นสัดส่วนใหญ่ในพอร์ตเป็น Bitcoin เนื่องจาก Bitcoin Dominance ratio อยู่ที่ 49.7% (ข้อมูลจาก Tradingview ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566) เพื่อลด Drawdown ของพอร์ต
โดย Bitcoin มีแนวรับต้านสำคัญที่โซนราคา 28,000 ดอลลาร์ และแนวรับที่ 25,600 ดอลลาร์ ตามมาด้วย Ethereum 1,766 ดอลลาร์ เป็นโซนราคาแนวต้าน และ มีโซนราคา 1,629 ดอลลาร์ เป็นแนวรับ ซึ่งแนวต่าง ๆ ข้างต้นเป็นกรอบราคาหลัก ๆ ที่ต้องจับตามองในเดือนกันยายนนี้ (ขอบคุณข้อมูลจาก Cryptomind Advisory)
นายมานะ คานิโยว หัวหน้าฝ่ายบริหารงานขายและพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า โอกาสของ Bitcoin Spot ETF ที่ผ่านมาดูสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงมองว่าเรื่องนี้เป็นตัวเร่ง ที่จะผลักดันเงินมหาศาลเข้ามาในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากขึ้นและจะเป็นเหตุที่จะช่วยให้เกิด Bull run ครั้งต่อไป นอกจากนี้อาจจะได้แรงสนับสนุนจาก Bitcoin Halving ในปีหน้า รวมไปถึง สภาวะตลาด Macro ที่อาจจะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ ทำให้ตลาดจะ Price in factor เหล่านี้เข้าไปแล้วเหมือนกัน
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง ควรวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน หากกังวลหรือมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินหรือหาที่ปรึกษาการลงทุนที่มีความชำนาญเพื่อช่วยเหลือในการตัดสินใจ
โดย Powell รับทราบถึงความยากลำบากในการสร้างสมดุลของนโยบายการเงิน และการจัดการความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็ยังคงยืนยันความจำเป็นในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงอยู่ โดยอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 2% นอกจากเรื่องนโยบายการเงินที่กล่าวข้างต้นแล้ว Powell ยังได้กล่าวถึง อัตราแรงงาน รถยนต์และที่อยู่อาศัย ซึ่งชี้ไปที่การเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อที่ซับซ้อนมาก ๆ แสดงให้เห็นว่า FED ใช้ฐานข้อมูลรายเดือน และรายไตรมาส ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินตามที่เคยกล่าวเอาไว้ ดังนั้นนักลงทุนจึงควรจับตาตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต่อเดือน
นายภาณุวิชญ์ ไทยานนท์ ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนในเดือนกันยายน ดังนี้..
Digital Asset: Grayscale for the win
Grayscale ผู้จัดการกองทุน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ได้รับชัยชนะในคดีที่มีต่อ ก.ล.ต. สหรัฐในอเมริกา (US SEC) โดยศาลได้ตัดสินให้ US SEC ต้องทบทวนการปฏิเสธของ Grayscale ในการพยายามแปลง GBTC เป็น ETF ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากคำสั่งตัดสิน Ripple เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องจับตามองจากการตัดสินของศาลนี้ คือการเตรียมพร้อมสำหรับการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF และอาจมีโอกาสที่ SEC อนุมัติคำขอ ETF หลายรายที่กำลังขอเข้ามาในเดือนที่จะถึงนี้
มุมมองการลงทุนในเดือนกันยายนตามสถิติแล้วนั้นจะเป็นเดือนที่ได้ฉายาว่า “กันยาสีแดง” ซึ่งตลาดมีแนวโน้มจะพักตัวและมีการเทขายเพราะว่าปิดไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม มองว่าตัวเลขภาคแรงงานของประเทศอเมริกาที่ออกมาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเริ่มอ่อนตัวลงแล้ว ปัจจัยนี้อาจสามารถทำให้ FED พิจารณาไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงไปต่อ บวกกับปัจจัยในตลาดคริปโทฯ ช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมจะมีวันตัดสินการอนุมัติเปิด Bitcoin Spot ETF ของหลาย ๆ บริษัทต่อ US SEC
ทั้งนี้ มองว่ามีโอกาสที่จะได้เห็นตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลวิ่งแรงกว่าตลาดหุ้น หากมีการอนุมัติเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ แต่หากมีการปฏิเสธอาจจะทำให้ราคา Bitcoin ถูกเทขายตามข่าวเล็กน้อย อย่างไรก็ตามบริษัทต่าง ๆ ยังมีเวลาที่จะขอยื่นใหม่ได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดเวลาในเดือนมีนาคม 2567 ดังนั้นการพิจารณาเข้าลงทุนในช่วงนี้ถือว่ามี Risk Ratio ค่อนข้างคุ้มค่า โดยมีอัตราส่วน Bitcoin MVRV ratio อยู่ที่ 1.37 (ข้อมูลจาก Glassnode ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566) และควรเน้นสัดส่วนใหญ่ในพอร์ตเป็น Bitcoin เนื่องจาก Bitcoin Dominance ratio อยู่ที่ 49.7% (ข้อมูลจาก Tradingview ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566) เพื่อลด Drawdown ของพอร์ต
โดย Bitcoin มีแนวรับต้านสำคัญที่โซนราคา 28,000 ดอลลาร์ และแนวรับที่ 25,600 ดอลลาร์ ตามมาด้วย Ethereum 1,766 ดอลลาร์ เป็นโซนราคาแนวต้าน และ มีโซนราคา 1,629 ดอลลาร์ เป็นแนวรับ ซึ่งแนวต่าง ๆ ข้างต้นเป็นกรอบราคาหลัก ๆ ที่ต้องจับตามองในเดือนกันยายนนี้ (ขอบคุณข้อมูลจาก Cryptomind Advisory)
นายมานะ คานิโยว หัวหน้าฝ่ายบริหารงานขายและพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า โอกาสของ Bitcoin Spot ETF ที่ผ่านมาดูสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงมองว่าเรื่องนี้เป็นตัวเร่ง ที่จะผลักดันเงินมหาศาลเข้ามาในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากขึ้นและจะเป็นเหตุที่จะช่วยให้เกิด Bull run ครั้งต่อไป นอกจากนี้อาจจะได้แรงสนับสนุนจาก Bitcoin Halving ในปีหน้า รวมไปถึง สภาวะตลาด Macro ที่อาจจะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ ทำให้ตลาดจะ Price in factor เหล่านี้เข้าไปแล้วเหมือนกัน
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง ควรวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน หากกังวลหรือมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินหรือหาที่ปรึกษาการลงทุนที่มีความชำนาญเพื่อช่วยเหลือในการตัดสินใจ