จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ราคาหมู ฟื้น-ขยาย Thaifood Fresh Market หนุนกำไร TFG เติบโตยั่งยืน
05 กันยายน 2566
นโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าหมูของภาครัฐ หนุนราคาในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อ บมจ. ไทยฟู้ดสกรุ๊ป หรือ TFG รวมทั้งกลยุทธ์ขยายร้านค้าปลีก Thaifood Fresh Market แตะ 350-370 สาขาในปี 2566 ผลักดันกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีมาร์จิ้นสูงขึ้น
บล.ทรีนีตี้วิเคราะห์หุ้น บมจ. ไทยฟู้ดสกรุ๊ป หรือ TFG โดยระบุว่า TFG ประกาศกำไร 2Q66 ที่ 69 ล้านบาท อ่อนตัว 84%QoQ และ 94%YoY ซึ่งเป็นไปใน แนวโน้มเดียวกันกับธุรกิจฟาร์มสัตว์บกในประเทศ อาทิ CPF และ BTG เนื่องจากราคา หมูหน้าฟาร์มในประเทศช่วง 2Q66 เฉลี่ยอยู่ที่ 79 บาท/กก. อ่อนตัวลง 13%QoQ และ 21%YoY จากผลกระทบของหมูลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศที่ทะลักเข้ามาในประเทศ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยช่วยจากราคาไก่หน้าฟาร์มที่เฉลี่ยอยู่ที่ 43 บาท/กก. ปรับตัวดีขึ้น 9% QoQ และ 2%YoY เนื่องจากปริมาณส่งออกไก่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ราคาหมูเฉลี่ยในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. 66 ยังปรับตัวลงต่ออีกราว 14%QoQ และ 34%YoY มาอยู่ที่ราว 68 บาท/กก.
แต่มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากราคาช่วงเดือน ก.ค. อ่อนตัวลงไปเหลือราว 65-66 บาท/กก. และเริ่มฟื้นตัวมาอยู่ที่ราว 69-70 บาท/กก. ในช่วงปลายเดือน ส.ค. โดยมองว่าเป็น ผลจากความพยายามปราบปรามหมูลักลอบนำเข้าของภาครัฐ และราคาหมูที่ปรับตัวลงมามาก ทำให้แรงจงูใจในการลักลอบนำเข้าลดลง
แนวโน้มราคาหมูที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำไรใน 4Q66 อย่างไรก็ตามด้วยกำไร 2Q66-3Q66 ที่ยังถูกกดดันจากราคาหมูที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้เราคาดกำไรปี2566 ที่ 1,170 ล้านบาท อ่อนตัว 75%YoY แต่คาดกำไรปี 2567 จะฟื้นตัวได้ชัดเจนมากขึ้นมาอยู่ที่ 2,408 ล้านบาท ดีขึ้น 106%YoY เนื่องจากคาดราคาหมูจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับปกติ ที่เหนือ 80 บาท/กก. ได้ หากปัญหาเรื่องหมูลักลอบนำเข้าคลี่คลาย
บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาของร้านค้าปลีก Thaifood Fresh Market มาอยู่ที่ 350-370 สาขาในปี 2566 และ 500-550 สาขา ในปี 2567 (จากปี 2565 ที่ 220 สาขา) โดยตั้งเป้ายอดขายที่ราว 150,000 บาท/สาขา/วัน ด้วยสมมุติฐานดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจค้าปลีกจะ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29% และ 34% ของรายได้รวมในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ จากในปี 2565 ที่ราว 15% ซึ่งนอกจากจะช่วยหนุนยอดขายแล้ว ยังทำให้อัตรากำไรของบริษัทใน อนาคตผันผวนน้อยลงอีกด้วย (อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ราว 18-20%)
เราให้ราคาเป้าหมาย 2567 ที่ 4.8 บาท อิง PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 12 เท่าโดยราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยกดดันระยะสั้นไปแล้ว ขณะที่ระยะยาวมีโอกาสจากธุรกิจค้าปลีก แนะนำ “ซื้อ”
ขณะที่ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการTFG “เพชร นันทวิสัย” ระบุ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 27,561.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 22,936.59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 494.18 ล้านบาท
ซึ่งการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีแรกยังเติบโตได้ดี เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายไก่ สุกร และยอดขายในสาขาร้านค้าปลีก ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต ที่เพิ่มขึ้นตามการขยายสาขา เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
ทำให้ประเมินว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้คาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการขยายตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขาย นอกเหนือจากโมเดลธุรกิจในส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตอย่างโดดเด่น และมีมาร์จิ้นสูง
แต่มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากราคาช่วงเดือน ก.ค. อ่อนตัวลงไปเหลือราว 65-66 บาท/กก. และเริ่มฟื้นตัวมาอยู่ที่ราว 69-70 บาท/กก. ในช่วงปลายเดือน ส.ค. โดยมองว่าเป็น ผลจากความพยายามปราบปรามหมูลักลอบนำเข้าของภาครัฐ และราคาหมูที่ปรับตัวลงมามาก ทำให้แรงจงูใจในการลักลอบนำเข้าลดลง
แนวโน้มราคาหมูที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำไรใน 4Q66 อย่างไรก็ตามด้วยกำไร 2Q66-3Q66 ที่ยังถูกกดดันจากราคาหมูที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้เราคาดกำไรปี2566 ที่ 1,170 ล้านบาท อ่อนตัว 75%YoY แต่คาดกำไรปี 2567 จะฟื้นตัวได้ชัดเจนมากขึ้นมาอยู่ที่ 2,408 ล้านบาท ดีขึ้น 106%YoY เนื่องจากคาดราคาหมูจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับปกติ ที่เหนือ 80 บาท/กก. ได้ หากปัญหาเรื่องหมูลักลอบนำเข้าคลี่คลาย
บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาของร้านค้าปลีก Thaifood Fresh Market มาอยู่ที่ 350-370 สาขาในปี 2566 และ 500-550 สาขา ในปี 2567 (จากปี 2565 ที่ 220 สาขา) โดยตั้งเป้ายอดขายที่ราว 150,000 บาท/สาขา/วัน ด้วยสมมุติฐานดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจค้าปลีกจะ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29% และ 34% ของรายได้รวมในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ จากในปี 2565 ที่ราว 15% ซึ่งนอกจากจะช่วยหนุนยอดขายแล้ว ยังทำให้อัตรากำไรของบริษัทใน อนาคตผันผวนน้อยลงอีกด้วย (อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ราว 18-20%)
เราให้ราคาเป้าหมาย 2567 ที่ 4.8 บาท อิง PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 12 เท่าโดยราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยกดดันระยะสั้นไปแล้ว ขณะที่ระยะยาวมีโอกาสจากธุรกิจค้าปลีก แนะนำ “ซื้อ”
ขณะที่ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการTFG “เพชร นันทวิสัย” ระบุ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 27,561.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 22,936.59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 494.18 ล้านบาท
ซึ่งการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีแรกยังเติบโตได้ดี เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายไก่ สุกร และยอดขายในสาขาร้านค้าปลีก ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต ที่เพิ่มขึ้นตามการขยายสาขา เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
ทำให้ประเมินว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้คาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการขยายตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขาย นอกเหนือจากโมเดลธุรกิจในส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตอย่างโดดเด่น และมีมาร์จิ้นสูง