by.พูเมซ่า
ภาพรวมเดือน ส.ค. SET Index ปิด 1,565.94 จุด ผลตอบแทนรายเดือน +1% ขณะที่วอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยสูงกว่า 5หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค.) โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,579 จุด จุดต่ำสุดที่ 1,506 จุด
บล.ทรีนีตี้ระบุว่าภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนกันยายน คาดว่าในช่วงแรกดัชนีหุ้นทั่วโลกจะยังแกว่งตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้รับความคาดหวังที่ Fed น่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ ก่อนที่อาจต้องใชความระมัดระวังหลังจากนั้น จาก Dot plots และโทนของ Fed ที่อาจออกมา Hawkish กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ดังนั้น เราประเมินครึ่งเดือนแรกมีแนวโน้มที่ดัชนีจะปรับตัวดีกว่าครึ่งเดือนหลัง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET จะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับจิตวิทยา 1600 จุด โดยมีกรอบแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1500-1520 จุด
ในเชิงกลยุทธ์ แนะนักลงทุนหาจังหวะทยอย Lock profit ในช่วงครึ่งเดือนแรกในกลุ่มหุ้นที่เราแนะนํา Selective มาก่อนหน้านี้ ซึ่งเราประเมินว่าน่าจะยังเป็นช่วงที่สนทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูกประคับประคองได้อยู่ ส่วนในช่วงครึ่งเดือนหลัง แนะเข้าสู่โหมด Wait & See เพื่อป้องกันความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นจากการประชุม FOMC อย่างไรก็ดี สําหรับผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่จริงๆ ณ เวลานี้ที่ Valuation ของตลาดอยู่ในโซนเปราะบางแล่ว แนะนําโฟกัสไปยัง Sector ที่ราคาและ Valuation กองอยู่ในโซนล่าง โดยหากแบ่งออกเป็นประเภทจะได้แก่
1) กลุ่ม Domestic สําหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกําไรไปตามปัจจัยนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มกําลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่มากก็น้อย ได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) มองหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ PLANB, VGI, BEC, ONEE
2) กลุ่มที่อิงกับปริมาณการค้าขายในระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะเห็นปัญหาการ Destocking ที่ลดลง และล่าสุดเริ่มเห็นการยืนทรงตัวได้ของตัวเลข PMI ภาคการผลิต นอกจากนั้น ยังเตรียมได้อานิสงส์หากรัฐบาลประกาศใช้นโยบายลดราค้าพลังงานจริง มองไปยังกลุ่ม Logistics ที่Earnings อยู่ในชวง High season อาทิ III, LEO, SJWD, WICE
จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนพอร์ตลงทุนของ"สุระ คณิตทวีกุล"ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ โดยพบว่าในเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาได้มีการทยอยเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ซึ่งพิจารณาจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดวันที่ 24 สิงหาคม 2566 เทียบกับการปิดสมุดรายชื่อผู้ถือหุ้นในครั้งก่อนเมื่อเดือนเมษายน 2566 จะเห็นว่ามีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดถือหุ้น 29,000,000 หุ้นจากเดิมที่เคยถือครอง 27,000,000 หุ้น และโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของ III ประกอบด้วย
รายชื่อ |
จำนวน(หุ้น) |
%การถือหุ้น |
นาย ทิพย์ ดาลาล |
104,334,884 |
12.92 |
นาย วิรัช นอบน้อมธรรม |
76,861,480 |
9.52 |
LGT BANK (SINGAPORE) LTD |
64,000,000 |
7.92 |
นาย พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี |
36,900,000 |
4.57 |
นาย ธีรนิติ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา |
35,399,732 |
4.38 |
น.ส. ภาวศุทธิ โชติกเสถียร |
33,285,025 |
4.12 |
นาย เฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์ |
29,040,605 |
3.6 |
นาย สุระ คณิตทวีกุล |
29,000,000 |
3.59 |
นาย จิโรจ พนาจรัส |
26,958,671 |
3.34 |
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด |
16,238,773 |
2.01 |
ขณะเดียวกันบุคคลดังกล่าวได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้น บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือCHAYO ซึ่งจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุด ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566 "สุระ คณิตทวีกุล" ถือหุ้นจำนวน 18,141,229 หุ้นคิดเป็น 1.63%เทียบกับการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อในครั้งก่อนเดือนพฤษภาคม 2566 ถือหุ้นจำนวน 24,068,396 หุ้น คิดเป็น 2.20% ล่าสุดโครงสร้างผู้ถือหุ้นCHAYO ประกอบด้วย
รายชื่อ |
จำนวน(หุ้น) |
%การถือหุ้น |
นาย สุขสันต์ ยศะสินธุ์ |
369,680,482 |
33.16 |
นาย ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา |
71,251,933 |
6.39 |
นาย ฤทธิรงค์ บุญมีโชติ |
38,938,411 |
3.49 |
นาย สมยศ มั่นนิธิวรกุล |
28,718,500 |
2.58 |
นาย ณัฐวัช ยศะสินธุ์ |
28,280,109 |
2.54 |
น.พ. พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี |
23,338,542 |
2.09 |
นาง วราณี เสรีวิวัฒนา |
18,755,469 |
1.68 |
นาย สุระ คณิตทวีกุล |
18,141,229 |
1.63 |
นาง พิมพ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา |
10,113,218 |
0.91 |
น.ส. รุ่งทิวา บุญมีโชติ |
8,895,391 |
0.8 |
ทั้งนี้ ปัจจุบัน "สุระ คณิตทวีกุล" มีพอร์ตลงทุนหุ้นจำนวน 16 บริษัท ประกอบด้วย
หุ้น |
จำนวนที่ถือ(หุ้น) |
%การถือครอง |
CHAYO |
18,141,229 |
1.63 |
CMO |
12,625,500 |
4.49 |
COM7 |
601,310,400 |
25.05 |
GUNKUL |
90,000,000 |
1.01 |
III |
29,000,000 |
3.59 |
IT |
3,746,900 |
1.02 |
MASTER |
6,122,900 |
2.55 |
MILL |
253,160,000 |
4.56 |
MVP |
28,620,600 |
9.3 |
NTSC |
4,997,000 |
5 |
PRI |
6,539,600 |
2.04 |
SFLEX |
11,874,800 |
1.45 |
SIMAT |
10,568,600 |
1.63 |
SKY |
18,583,600 |
2.98 |
TPL |
20,000,000 |
3.82 |
WAVE |
654,050,000 |
7.56 |
การเคลื่อนไหวราคาหุ้น CHAYO ในเดือนสิงหาคม 2566 ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.41% จากราคา 7.40 บาทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.80 บาทและเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 8.25 บาท
ขณะที่ การเคลื่อนไหวราคาหุ้นIII ในเดือนสิงหาคม 2566 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.64%จากราคา 12.20 บาทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12.40 บาทและเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุด 13 บาท
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ระบุว่าแนะนำ “ซื้อ” หุ้น III มูลค่าเหมาะสม 17.50 บาท เนื่องจากมุ่งเน้นที่จะเป็นผู้นำในการขนส่งทางอากาศ/ผุ้ให้บริการ GSA ระดับภูมิภาคในอาเซียน หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดกับผู้บริหารของ III มั่นใจว่า III จะสามารถจัดการธุรกิจการบิน ด้วยการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียเหนือและอินเดียในช่วงระยะกลางถึงระยะยาวผ่านทาง ANI ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญของบริษัท ในธุรกิจนี้ ที่กล่าวว่า อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ทั่วโลกยังคงขึ้นอยู่กับการเติบโต/กิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นอย่างสูง และแนวโน้ม 2H23F ยังไม่ชัดเจน จากสถานการณ์การขนส่งสินค้าในปัจจุบันรวมถึงความสามารถของ ANI ในการได้รับส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจการบิน ด้วยการขยายงานการจัดการภาคพื้นดินภายใต้ AOTGA เราจึงยังคำแนะนำ “ซื้อ”
เราเชื่อว่าบริษัทสามารถเติบโตได้ทั้งการเติบโตจากภายนอกผ่าน ANI และการเติบโตจากภายในผ่านคลังสินค้า DG และธุรกิจการบิน เราเน้นว่าทั้งสองธุรกิจนี้นี้สร้างกำไรขั้นต้นโดยประมาณ 80% ของกำไรขั้นต้นโดยรวม (DG คิดเป็น 42% ของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) แบบผสมใน 1H23 และ 35% จากธุรกิจการบิน) ซึ่งสิ่งนี้บ่งชี้ว่าการขยายอัตรากำไรมูลค่าเพิ่มของ III และความได้เปรียบในการแข่งขันยังคงเป็นไปตามเป้าหมายของผู้บริหารในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนรวม ทั้งนี้ ANI คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนใน 4Q23F (III ถือหุ้น 38% ใน ANI); สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทกลายเป็นเป้าหมายของผู้เล่นระดับภูมิภาคชั้นนำก่อนที่จะแข่งขันในระดับโลก
เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนจะเกิดผลและสร้างรายได้รวมของ III ไม่ต่ำกว่า 70% ในปีนี้ การดำเนินงานหลักของบริษัทมีปริมาณการเติบโตที่แข็งแกร่งทั้งงานขนส่งสินค้าและการจัดการภาคพื้นดิน ดังนั้นเราจึงคงประมาณการรายได้และผลประกอบการสำหรับปี 2023-25F อย่างไรก็ตาม บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.20 บาท สำหรับการดำเนินงานใน 1H23 (XD: 23 ส.ค.) และโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 300 ล้านบาท จำนวน 25 ล้านหุ้นหรือ 3.1% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ระหว่างวันที่ 15 ส.ค. 2023- 14 ก.พ. 2024) มูลค่าที่เหมาะสมของเราที่ 17.50 บาทไม่เปลี่ยนแปลง และอิงจาก PER ปี 2023 ที่ 18.4 เท่า ซึ่งมาจาก PEG ที่ 1.1 เท่าของธุรกิจการขนส่งและอัตราเติบโตเฉลี่ย (Cagr) ปีละ 16.7% ในระยะเวลา 2 ปีของ III (2023- 2025) ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การพึ่งพาคู่ค้าเชิงกลยุทธ์/ลูกค้าอย่างมาก ความผันผวนของอัตราค่าระวางเรือ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน