Smart Investment

"สุระ คณิตทวีกุล" ดอดเก็บหุ้น III เพิ่ม


06 กันยายน 2566

by.พูเมซ่า

สุระ คณิตทวีกุล รินขาย CHAYO.jpg

ภาพรวมเดือน ส.ค. SET Index ปิด 1,565.94 จุด ผลตอบแทนรายเดือน +1% ขณะที่วอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยสูงกว่า 5หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค.) โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,579 จุด จุดต่ำสุดที่ 1,506 จุด

บล.ทรีนีตี้ระบุว่าภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนกันยายน คาดว่าในช่วงแรกดัชนีหุ้นทั่วโลกจะยังแกว่งตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้รับความคาดหวังที่ Fed น่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ ก่อนที่อาจต้องใชความระมัดระวังหลังจากนั้น จาก Dot plots และโทนของ Fed ที่อาจออกมา Hawkish กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ดังนั้น เราประเมินครึ่งเดือนแรกมีแนวโน้มที่ดัชนีจะปรับตัวดีกว่าครึ่งเดือนหลัง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET จะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับจิตวิทยา 1600 จุด โดยมีกรอบแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1500-1520 จุด

ในเชิงกลยุทธ์ แนะนักลงทุนหาจังหวะทยอย Lock profit ในช่วงครึ่งเดือนแรกในกลุ่มหุ้นที่เราแนะนํา Selective มาก่อนหน้านี้ ซึ่งเราประเมินว่าน่าจะยังเป็นช่วงที่สนทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูกประคับประคองได้อยู่ ส่วนในช่วงครึ่งเดือนหลัง แนะเข้าสู่โหมด Wait & See เพื่อป้องกันความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นจากการประชุม FOMC อย่างไรก็ดี สําหรับผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่จริงๆ ณ เวลานี้ที่ Valuation ของตลาดอยู่ในโซนเปราะบางแล่ว แนะนําโฟกัสไปยัง Sector ที่ราคาและ Valuation กองอยู่ในโซนล่าง โดยหากแบ่งออกเป็นประเภทจะได้แก่

1) กลุ่ม Domestic สําหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกําไรไปตามปัจจัยนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มกําลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่มากก็น้อย ได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) มองหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ PLANB, VGI, BEC, ONEE

2) กลุ่มที่อิงกับปริมาณการค้าขายในระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะเห็นปัญหาการ Destocking ที่ลดลง และล่าสุดเริ่มเห็นการยืนทรงตัวได้ของตัวเลข PMI ภาคการผลิต นอกจากนั้น ยังเตรียมได้อานิสงส์หากรัฐบาลประกาศใช้นโยบายลดราค้าพลังงานจริง มองไปยังกลุ่ม Logistics ที่Earnings อยู่ในชวง High season อาทิ III, LEO, SJWD, WICE

จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนพอร์ตลงทุนของ"สุระ คณิตทวีกุล"ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ โดยพบว่าในเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาได้มีการทยอยเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ซึ่งพิจารณาจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดวันที่ 24 สิงหาคม 2566 เทียบกับการปิดสมุดรายชื่อผู้ถือหุ้นในครั้งก่อนเมื่อเดือนเมษายน 2566 จะเห็นว่ามีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดถือหุ้น 29,000,000 หุ้นจากเดิมที่เคยถือครอง 27,000,000 หุ้น และโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของ III ประกอบด้วย

รายชื่อ

จำนวน(หุ้น)

%การถือหุ้น

นาย ทิพย์ ดาลาล

104,334,884

12.92

นาย วิรัช นอบน้อมธรรม

76,861,480

9.52

LGT BANK (SINGAPORE) LTD

64,000,000

7.92

นาย พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี

36,900,000

4.57

นาย ธีรนิติ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

35,399,732

4.38

น.ส. ภาวศุทธิ โชติกเสถียร

33,285,025

4.12

นาย เฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์

29,040,605

3.6

นาย สุระ คณิตทวีกุล

29,000,000

3.59

นาย จิโรจ พนาจรัส

26,958,671

3.34

บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด

16,238,773

2.01


ขณะเดียวกันบุคคลดังกล่าวได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้น บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือCHAYO ซึ่งจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุด ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566 "สุระ คณิตทวีกุล"  ถือหุ้นจำนวน 18,141,229 หุ้นคิดเป็น 1.63%เทียบกับการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อในครั้งก่อนเดือนพฤษภาคม 2566 ถือหุ้นจำนวน 24,068,396 หุ้น คิดเป็น 2.20% ล่าสุดโครงสร้างผู้ถือหุ้นCHAYO ประกอบด้วย

รายชื่อ

จำนวน(หุ้น)

%การถือหุ้น

นาย สุขสันต์ ยศะสินธุ์

369,680,482

33.16

นาย ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา

71,251,933

6.39

นาย ฤทธิรงค์ บุญมีโชติ

38,938,411

3.49

นาย สมยศ มั่นนิธิวรกุล

28,718,500

2.58

นาย ณัฐวัช ยศะสินธุ์

28,280,109

2.54

น.พ. พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี

23,338,542

2.09

นาง วราณี เสรีวิวัฒนา

18,755,469

1.68

นาย สุระ คณิตทวีกุล

18,141,229

1.63

นาง พิมพ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา

10,113,218

0.91

น.ส. รุ่งทิวา บุญมีโชติ

8,895,391

0.8

ทั้งนี้ ปัจจุบัน "สุระ คณิตทวีกุล" มีพอร์ตลงทุนหุ้นจำนวน 16 บริษัท ประกอบด้วย

หุ้น

จำนวนที่ถือ(หุ้น)

%การถือครอง

CHAYO

18,141,229

1.63

CMO

12,625,500

4.49

COM7

601,310,400

25.05

GUNKUL

90,000,000

1.01

III

29,000,000

3.59

IT

3,746,900

1.02

MASTER

6,122,900

2.55

MILL

253,160,000

4.56

MVP

28,620,600

9.3

NTSC

4,997,000

5

PRI

6,539,600

2.04

SFLEX

11,874,800

1.45

SIMAT

10,568,600

1.63

SKY

18,583,600

2.98

TPL

20,000,000

3.82

WAVE

654,050,000

7.56

การเคลื่อนไหวราคาหุ้น CHAYO ในเดือนสิงหาคม 2566 ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.41% จากราคา 7.40 บาทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.80 บาทและเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 8.25 บาท

ขณะที่ การเคลื่อนไหวราคาหุ้นIII ในเดือนสิงหาคม 2566 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.64%จากราคา 12.20 บาทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12.40 บาทและเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุด 13 บาท

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ระบุว่าแนะนำ “ซื้อ” หุ้น III มูลค่าเหมาะสม 17.50 บาท เนื่องจากมุ่งเน้นที่จะเป็นผู้นำในการขนส่งทางอากาศ/ผุ้ให้บริการ GSA ระดับภูมิภาคในอาเซียน หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดกับผู้บริหารของ III มั่นใจว่า III จะสามารถจัดการธุรกิจการบิน ด้วยการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียเหนือและอินเดียในช่วงระยะกลางถึงระยะยาวผ่านทาง ANI ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญของบริษัท ในธุรกิจนี้ ที่กล่าวว่า อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ทั่วโลกยังคงขึ้นอยู่กับการเติบโต/กิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นอย่างสูง และแนวโน้ม 2H23F ยังไม่ชัดเจน จากสถานการณ์การขนส่งสินค้าในปัจจุบันรวมถึงความสามารถของ ANI ในการได้รับส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจการบิน ด้วยการขยายงานการจัดการภาคพื้นดินภายใต้ AOTGA เราจึงยังคำแนะนำ “ซื้อ”

เราเชื่อว่าบริษัทสามารถเติบโตได้ทั้งการเติบโตจากภายนอกผ่าน ANI และการเติบโตจากภายในผ่านคลังสินค้า DG และธุรกิจการบิน เราเน้นว่าทั้งสองธุรกิจนี้นี้สร้างกำไรขั้นต้นโดยประมาณ 80% ของกำไรขั้นต้นโดยรวม (DG คิดเป็น 42% ของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) แบบผสมใน 1H23 และ 35% จากธุรกิจการบิน) ซึ่งสิ่งนี้บ่งชี้ว่าการขยายอัตรากำไรมูลค่าเพิ่มของ III และความได้เปรียบในการแข่งขันยังคงเป็นไปตามเป้าหมายของผู้บริหารในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนรวม ทั้งนี้ ANI คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนใน 4Q23F (III ถือหุ้น 38% ใน ANI); สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทกลายเป็นเป้าหมายของผู้เล่นระดับภูมิภาคชั้นนำก่อนที่จะแข่งขันในระดับโลก

เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนจะเกิดผลและสร้างรายได้รวมของ III ไม่ต่ำกว่า 70% ในปีนี้ การดำเนินงานหลักของบริษัทมีปริมาณการเติบโตที่แข็งแกร่งทั้งงานขนส่งสินค้าและการจัดการภาคพื้นดิน ดังนั้นเราจึงคงประมาณการรายได้และผลประกอบการสำหรับปี 2023-25F อย่างไรก็ตาม บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.20 บาท สำหรับการดำเนินงานใน 1H23 (XD: 23 ส.ค.) และโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 300 ล้านบาท จำนวน 25 ล้านหุ้นหรือ 3.1% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ระหว่างวันที่ 15 ส.ค. 2023- 14 ก.พ. 2024) มูลค่าที่เหมาะสมของเราที่ 17.50 บาทไม่เปลี่ยนแปลง และอิงจาก PER ปี 2023 ที่ 18.4 เท่า ซึ่งมาจาก PEG ที่ 1.1 เท่าของธุรกิจการขนส่งและอัตราเติบโตเฉลี่ย (Cagr) ปีละ 16.7% ในระยะเวลา 2 ปีของ III (2023- 2025) ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การพึ่งพาคู่ค้าเชิงกลยุทธ์/ลูกค้าอย่างมาก ความผันผวนของอัตราค่าระวางเรือ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน

 

III