จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ตลาด CLMV ปี2023 โตเฉลี่ย 6-8% หนุน DPAINT ขยายตลาดต่างประเทศ
07 กันยายน 2566
แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง แต่ SCB EIC เชื่อ ตลาด CLMV ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีปี2023 โต 6-8% และเป็นตลาดที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูง สอดคล้องกับกลยุทธ์ บมจ.สีเดลต้า (DPAINT) ที่ขยายตลาดไปในประเทศกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา และลาว ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรตั้ง Distribution ตั้งเป้าติดอันดับ Top 3 ของอุตสาหกรรม ในอีก 5 ปี
SCB EIC วิเคราะห์ศักยภาพของตลาด CLMV ไทยส่งออกไป CLMV ปี 2022 มีมูลค่า 31,147 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 10.9% ของการส่งออกสินค้าไทยทั้งหมด แบ่งเป็นการส่งออกไปเวียดนาม 13,235.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตลาดส่งออกไทยลำดับที่ 4 คิดเป็น 4.6% ของการส่งออกไทยทั้งหมด) กัมพูชา 8,675.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลำดับที่ 11 และคิดเป็น 3%) เมียนมา 4,696.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลำดับที่ 17 และคิดเป็น 1.6%) และสปป.ลาว 4,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลำดับที่ 18 และคิดเป็น 1.6%) สะท้อนให้เห็นว่าตลาด CLMV เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญมากของไทย เป็นรองเพียงตลาดสหรัฐฯ จีน และอาเซียน 5 (5 ประเทศอาเซียนนอกจาก CLMV) เท่านั้น
อัตราการเติบโตของการส่งออกจากไทยไป CLMV ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาขยายตัวสูงเฉลี่ย 5.1% ต่อปี ในขณะที่การส่งออกทั้งหมดของไทยขยายตัวเฉลี่ย 2.3% ต่อปี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาการส่งออกไป CLMV ขยายตัวแข็งแกร่ง 14.5% ในปี 2021 (ส่วนหนึ่งเป็นผลของปัจจัยฐานต่ำจากวิกฤติโควิดในปี 2020) และ 11.5% ในปี 2022 สะท้อนแนวโน้มที่ดีของการส่งออกไทยไปตลาด CLMV
ซึ่งเศรษฐกิจ CLMV มีแนวโน้มขยายตัวในปี 2023 จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศ และในระยะกลางยังได้รับอานิสงส์จากนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ ความสามารถในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ (ยกเว้นเมียนมา) และทรัพยากรธรรมชาติที่ยังมีอยู่มากในภูมิภาคและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจได้
จากตัวเลขคาดการณ์ของธนาคารโลก เศรษฐกิจกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม จะขยายตัว 5.2% 3.8% 3% และ 6.3% ในปี 2023 ส่งผลให้มีแนวโน้มการนำเข้าสินค้าจากไทยและประเทศอื่นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การส่งออกไป CLMV ยังได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐของไทยมาก เช่น การเร่งรัดการส่งออกผ่านการค้าชายแดน รวมถึงไทยยังมีความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด CLMV จากความได้เปรียบด้านระยะทาง วัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดี และสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายในกลุ่ม อีกทั้ง การส่งออกของไทยไป CLMV ยังอาจได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาโครงการก่อสร้างทางรถไฟ จีน-สปป.ลาว และการที่เวียดนามได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนของบริษัทข้ามชาติเพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
โดยคาดการณ์การส่งออกจากไทยไป CLMV มีแนวโน้มที่ดีทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลางตามเศรษฐกิจของ CLMV ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าเศรษฐกิจโลก อีกทั้ง ไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูงจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงยังได้รับการส่งเสริมที่จริงจังจากภาครัฐ SCB EIC ประเมินว่า การส่งออกจากไทยไป CLMV จะขยายตัวได้ในช่วง 6-8% ในปี 2023
ดังนั้นท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์โลก และการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ทางการค้าโลก ตลาด CLMV ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีและไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูง ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยในปี 2023 ได้มากและมีศักยภาพที่สูงในการช่วยขับเคลื่อนการส่งออกของไทยในระยะปานกลาง
ตลาดCLMV ที่เติบโตได้ดีสวนทางกับภูมิภาคอื่นของโลก เป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้ของบมจ.สีเดลต้า (DPAINT) ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม “มงคล ตั้งใจพิทักษ์” ระบุว่าปีนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจสู่การเป็นผู้นำด้านสีแห่งนวัตกรรม และเคมีก่อสร้าง แบบครบวงจร จากเดิมมุ่งเน้นด้านผลิตภัณฑ์สีเพียงกลุ่มเดียว โดยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มเคมีก่อสร้าง ซึ่งบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายจะเปิดตัวเพิ่มให้ครบ 30 ผลิตภัณฑ์ในปีนี้ โดยในครึ่งปีแรกได้เปิดตัวไปแล้ว 20 ผลิตภัณฑ์ และครึ่งปีหลังคาดว่าจะเปิดอีก 10 ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งช่างสี ช่างก่อสร้าง ลูกค้าโครงการ และ เจ้าของบ้าน ได้อย่างครบถ้วน
ขณะเดียวกันการขยายตลาดไปในประเทศกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา และลาว ผ่านการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดตั้ง Distribution คาดว่าจะช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ประมาณ 5% รวมทั้งบริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านสีแห่งนวัตกรรมและเคมีก่อสร้างแบบครบวงจร อยู่ในอันดับ Top 3 ในอีก 5 ปี
นอกจากนี้การลงทุนใน บริษัท โฮมเพ้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นเครือข่ายศูนย์จำหน่ายสีทาอาคารชั้นนำของไทย มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าถือหุ้นในอัตรา 15% ซึ่งมีงบลงทุนไม่เกิน 75 ล้านบาท รวมทั้งบริษัท โฮมเพ้นท์ จำกัด มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโต 2 Digits โดยวางกลยุทธ์ครอบคลุมทุกมิติ อาทิ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีนวัตกรรม ทั้งในกลุ่มสี และกลุ่มเคมีก่อสร้างที่เป็นตลาดใหม่ของบริษัท และยังมุ่งเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรร้านค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน การพัฒนาสินค้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ