จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SSP ลุยลงทุนโรงไฟฟ้าในปท.และตปท. ดันพอร์ตกำลังผลิตไฟแตะ 500 MW ใน 3 ปี


07 กันยายน 2566
การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นและประเทศต่างๆทั่วโลกได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน  สอดคล้องกับกลยุทธ์ บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) ที่ครึ่งปีหลัง  บริษัทฯยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศและต่างประเทศ  

รายงานพิเศษ SSP ลุยลงทุนโรงไฟฟ้าในปท.และตปท. .jpg

ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความน่าสนใจในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมีมากขึ้นตามไปด้วย  โดยเฉพาะธุรกิจ บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) ที่ประกอบธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ   

ซึ่ง“วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์”  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุ ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง  บริษัทฯยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศและต่างประเทศ  โดยเฉพาะประเทศเวียดนามตามแผนพัฒนาพลังงานPDP8 รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการ  ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดีลเพิ่มเติม จะช่วยสนับสนุนทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเป็นเท่าตัวในอีก 3 ปีข้างหน้าแตะ 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 241 เมกะวัตต์

สำหรับโครงการในปัจจุบัน  บริษัทได้เริ่มก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568และในเดือน ก.ค. 66 

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อย Sermsang International (Taiwan) Co., Ltd. ในประเทศไต้หวัน ด้วยทุนจดทะเบียน 50.0 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งการเข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไต้หวันในครั้งนี้ เกิดจากการมองเห็นศักยภาพและโอกาสการเติบโตของธุรกิจพลังงานทดแทนในอนาคต รวมไปถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเข้าไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม มองโกเลีย และอินโดนีเซีย ล้วนเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จและสามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดีมาโดยตลอด การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการสนับสนุนผลงานในอนาคตให้เติบโตได้แบบก้าวกระโดด

ด้านบล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น SSP โดยระบุว่า กำไร 2Q23 ยังอยู่ในกรอบที่คาดทั้งปี, แนวโน้ม 2H23E โตได้ HoH  เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 14.00 บาท อิงวิธี DCF (average WACC 5.0%, terminal growth 0%) ทั้งนี้บริษัทประกาศกำไรปกติ 2Q23 ที่ 225 ล้านบาท (-22% YoY, -10% QoQ) ไม่มีการประเมินงบจากตลาด โดย YoY ลดลงจากการขายโครงการ Hidakaออก ในขณะที่ QoQ ลดลงจากปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้าพลังงานลมทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ลดลง  ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2023E ที่ 1.1 พันล้านบาท (+10% YoY) 2H23E คาดโตได้ HoH จากการ COD โครงการ solar rooftop เพิ่มเติมและเข้า high season โรงไฟฟ้าพลังงานลม

ซึ่งราคาหุ้น underperform SET ราว -19% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คาดมาจากความกังวลในการลงทุนโรงไฟฟ้าในเวียดนามลดความดึงดูดลง หลังมีข่าวค่าไฟฟ้ามีโอกาสถูกปรับลดลงมากและ ทาง SSP มีโครงการใหญ่ที่เตรียมลงทุน 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนเพิ่มเติมในหลายประเทศ  ล่าสุดศึกษาโครงการในไต้หวัน (รอรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเป็นโครงการที่ sizable จากการให้ข้อมูลผู้บริหาร) รวมถึงการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทยเฟส 2 อีกราว 3.6GW คาดเห็นความชัดเจนในปี 2023 เป็น key catalyst ให้หุ้นกลับมา outperform ได้ 

นอกจากนี้ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER เพียง 11x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่เทรดราว 20x ยัง laggard กลุ่มอยู่มาก

ส่วนบล.หยวนต้า ระบุ บริษัทคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 10.60 บาท/หุ้น โดยมองว่าหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะกลาง-ยาวหลังการจัดตั้งรัฐบาล  เพราะประเด็นดังกล่าวจะทำให้การลงนามในสัญญา PPA สำหรับการรับซื้อรอบ 5.2GW มีความคืบหน้า (SSP ได้รับคัดเลือก 170.5MW)

นอกจากนี้หุ้นมี Upside เพิ่มเติมจากการยื่นเสนอขายไฟฟ้าเพิ่มเติมในไทยและเวียดนาม รวมถึงการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ (ผ่านการ M&A) แนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะ 12 เดือนขึ้นไป
SSP