จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : อาเซียนตั้งเป้าปี 2030 เพิ่มสัดส่วนผลิตรถไฟฟ้า 30% กระตุ้นความต้องการใช้-หนุนยอดขาย NEX


11 กันยายน 2566
ผู้นำอาเซียนสนับสนุนการใช้และผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งเป้าปี ค.ศ. 2030 ยอดผลิตแตะ 30%  ส่งผลดีต่อยอดขายรถของ บมจ. เน็กซ์ พอยท์ (NEX)  ที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 9,000 คันต่อปี


รายงานพิเศษ อาเซียนตั้งเป้าปี 2030 เพิ่มสัดส.jpg


การประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Council: AEC Council) ครั้งที่ 22  ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียน ว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค 


โดยอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ผลักดันประเด็นความยั่งยืนอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งหลายประเทศสมาชิก เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ต่างมีนโยบายสนับสนุนการใช้งานและการผลิตอย่างจริงจัง รวมทั้งไทย ที่ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 30% ของปริมาณการผลิตภายใน ค.ศ. 2030
         
 
ขณะเดียวกันในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมนโยบายที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ยกระดับองค์ความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิต และแรงงานไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย เพื่อให้สามารถเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาคอาเซียน


การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีความเข้มข้นมากขึ้น  เพื่อเป็นแนวทางไปสู่การลดภาวะโลกร้อนที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับทุกภาคส่วนบนโลก  ซึ่งในส่วนของกองทัพก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน  สะท้อนจากการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 
โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เน็กซ์ พอยท์ (NEX) “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา”   ระบุเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา  NEX ได้ส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับกองทัพเรือ โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์  ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือตรี สมบัติ  จูถนอม  เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ และคณะกองทัพเรือ และผู้บริหาร NEX ร่วมพิธีการส่งมอบ 


โครงการทดลองรถพลังงานไฟฟ้า ถือเป็นหนึ่งในการจัดการสิ่งแวดล้อมกองทัพเรือ (Green Navy) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อลดมลพิษทางอากาศ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดงบประมาณด้านน้ำมันเชื้อเพลิงของกองทัพเรือลงได้ 
          

"มั่นใจว่าความร่วมมือระหว่าง NEX ในฐานะผู้นำธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของคนไทย และ กองทัพเรือจะมีส่วนสำคัญในการช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้งบประมาณด้านน้ำมันให้กับกองทัพเรือและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์กองทัพเรือและนโยบายกองทัพเรือ ระยะ 5 ปี  ที่กำหนดให้ส่วนราชการพิจารณาจัดหายานยนต์ไฟฟ้า มาใช้ในราชการ เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายในการก้าวไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต" นายคณิสสร์ กล่าว

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่นำมาทดลองใช้ ได้แก่ รถมินิบัสไฟฟ้า ขนาด 7.3 เมตร และ 7.6 เมตร (EV Minibus) และ รถตู้โดยสารไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นรถต้นแบบให้หน่วยต่าง ๆ ทดลองใช้งานในภารกิจต่างๆ ในแต่ละวัน โดยให้บริการกำลังพลในทุกระดับ เมื่อทดลองเสร็จสิ้น จะนำผลการทดลองไปเปรียบเทียบความคุ้มค่าต่างๆ และจะสรุปผลประกอบการพิจารณาจัดหายานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ทดแทนเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในอนาคต และ กองทัพเรือได้นำแนวทางดังกล่าว มาศึกษาเพื่อเปลี่ยนไปสู่การใช้ ยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทดแทนต่อไป

แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 66 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วน EV Minibus Bus และ EV Truck  โดยปัจจุบัน NEX มีความพร้อมเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง โดยโรงประกอบยานยนต์ไฟฟ้ามีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 9,000 คันต่อปี ซึ่งบริษัทฯจะพิจารณาการขยายกำลังการผลิตที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้รถ EV ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง


ขณะที่ บล.บัวหลวง วิเคราะห์หุ้น NEX  โดยมีมุมเชิงบวก  เพราะมีงาน EV มินิบัสอีก 2,140 คันที่เหลือ สําหรับ Thai Smile จะส่งมอบภายในเดือน ก.ย. นี้  โดยบริษัทยังเห็นโอกาสในปีนี้อีก ได้แก่ 1) มินิบัสของภาครัฐและการเปลี่ยนรถบรรทุกขยะเป็น EV (จํานวน 2-3 พันคัน) , 2. เตรียมตัวไปสู่ยุคคาร์บอนเครดิต (รถส่งของและรถเมล์สำหรับภาคเอกชนที่เป็น EV) และ 3. รถทัวร์ EV สำหรับกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศและใน ประเทศ สำหรับปี 66-68 คาดกำไรสุทธิทำนิวไฮยาว 3 ปี ที่ 1.61 พันล้านบาท เติบโตเกิน 670% , กำไรสุทธิ 2.25 พันล้าบาท และ 2.27 พันล้านบาท ตามลำดับ แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 13.50 บาท
NEX